ประชาธิปัตย์ 1 ธ.ค.- อภิสิทธิ์ ปลุกนักการเมืองเป็นผู้นำปฏิรูป ชี้ ปี 60 จุดท้าทาย เรียกคืนศรัทธาจากประชาชน มุ่งเสนอนโยบายแก้ปากท้อง เดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้ง เชื่อ คสช.ผ่อนคลายกติกาให้เสรีภาพมากขึ้น ปลดล็อคพรรคการเมืองทำกิจกรรม
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ วิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมืองในปี 2560 ว่า เป็นปีที่เดินเข้าสู่ระยะที่ 3 ของโรดแมปมีความแตกต่างจากปี 2559 ซึ่งเป็นปีที่มีการลงประชามติรัฐธรรมนูญ และเริ่มมองเห็นว่าระยะเวลาที่เหลืออยู่ จะกลับเข้าสู่การเลือกตั้ง แต่ในปี 2560 จะเห็นการเดินเข้าสู่เลือกตั้งเป็นรูปธรรมมากขึ้น
“แม้การเลือกตั้งจะไม่เกิดในปี 60 แต่สังคมจะให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งมากขึ้น ความสนใจก็จะเข้าสู่ปัญหาของประชาชน ว่าจะได้รับการแก้ไขหลังการเลือกตั้งอย่างไร ทำอย่างไรไม่ให้มีความขัดแย้งแบบเดิมหลังการเลือกตั้ง ดังนั้น ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ที่เป็นปัญหาใหญ่ในสังคมชนบท และคนที่มีรายได้น้อย จะมีการถกเถียงแสดงออกมากขึ้น ว่าจะแก้อย่างไร เมื่อใกล้สู่การเลือกตั้งจะมีการประเมินว่า มีการปฏิรูปมากน้อยแค่ไหน อะไรที่ต้องทำต่อ และอะไรที่เปลี่ยนแปลงบ้าง” นายอภิสทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า โจทย์สำคัญคือ ต้องหาคำตอบให้กับอนาคตของประเทศ ว่าจะดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างไร เพราะนับวันความต้องการของประชาชนจะมีความหลากหลาย และมีช่องว่างมากขึ้น เช่น ตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจ ไม่มีความหมายสำหรับคนส่วนใหญ่ เนื่องจากมีปัญหาภัยแล้ง พืชผลตกต่ำ เรื่องเงินเฟ้อถึง 1 % ไม่มีความหมายเท่ากับของแพงหรือไม่ เช่นเดียวกับนโยบาย 4.0 ไม่ใช่คำตอบสำหรับคนทุกกลุ่ม
นายอภิสิทธิ์ หวังว่า ปี 2560 จะมีความตื่นตัวเรื่องทางเลือกนโยบายมากขึ้น ก่อนนำไปสู่การเลือกตั้ง แทนที่จะถกเถียงเรื่องกฎหมายหรือกติกา ซึ่งพรรคจะเดินหน้าเท่าที่ทำได้ ภายใต้ข้อจำกัดของกฎหมาย แต่ผมได้พบปะกลุ่มคนต่าง ๆ หลากหลายเพื่อรวบรวมวิธีการนำเสนอนโยบายให้ตรงจุด โดยเรื่องใหญ่ที่ประเทศต้องเผชิญต้องทำให้สอดคล้องกัน เช่น การศึกษา จะพูดเรื่องคุณภาพอย่างเดียวไม่ได้ ต้องดูเรื่องความเปลี่ยนแปลงด้วย ทำให้ระบบการศึกษากระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสังคม
“เป็นไปไม่ได้ที่จะจำกัดการทำงานของพรรคการเมืองในปีหน้าเพราะเมื่อกฎหมายพรรคการเมืองบังคับใช้ ก็ต้องมีการประชุม เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย พรรคการเมืองจะมีเสรีภาพในการทำงาน และจะเป็นคำตอบว่า ประชาชนจะมีความเห็นอย่างไรกับพรรคการเมือง พรรคจะมุ่งนโยบายให้เป็นความหวังของประชาชนให้ได้มากที่สุด เพราะถ้าไม่สามารถทำให้ประชาชนรู้สึกว่าพึ่งได้ ไม่ใช่เข้ามาเพื่อแสวงหาประโยชน์ของตัวเอง ปี 2560 จึงเป็นปีที่ท้าทายว่า จะทำให้ประชาชนมั่นใจได้หรือไม่ว่า พรรคการเมืองเป็นคำตอบไม่ใช่ผู้สร้างปัญหา” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับพรปีใหม่ ขอให้ปี 2560 มีการวางรากฐานให้เศรษฐกิจไท ยเป็นเศรษฐกิจสำหรับคนไทยทุกคน ให้การเมืองไทยเป็นการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย และคนในระบบประชาธิปไตยใช้เสรีภาพด้วยความรับผิดชอบ ให้สังคมไทยใช้พลังความสามัคคีเป็นพื้นฐานให้ประเทศมีอนาคตที่ดีต่อไป คสช.ที่ต้องการวางรากฐานประเทศจะอยู่บนความคิดว่า นักการเมืองชั่วหมด ต้องกำจัดเสรีภาพคงไม่ได้ เพราะต้องนำสังคมไทยกลับสู่การเลือกตั้ง จึงหวังว่าจะปรับเปลี่ยนท่าที เพื่อเตรียมสังคมให้มีความพร้อมสำหรับอนาคตต่อไป ถ้าไม่ทำก็เสี่ยงว่า สิ่งที่ทำไว้จะไม่ได้ผลอะไร เพราะทุกอย่างจะกลับคืนสู่สภาพเดิม
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับกติกาที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่คิดว่าจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงมากนัก เพราะการเมืองจะเปลี่ยนอย่างไร อยู่ที่พฤติกรรมมากกว่ากติกา เนื่องจากบทบัญญัติต่าง ๆ มีความพยายามจะทำให้ดีขึ้น แต่ไม่ได้เป็นหลักประกัน เพราะปัญหาประเทศไทยที่ผ่านมาคือ การบังคับใช้กฎหมายและวัฒนธรรมทางการเมือง ถ้านักการเมืองยังมุ่งประโยชน์ของตน มองหาช่องว่างทางกฎหมาย หรือใช้กฎหมายในทางบิดเบี้ยว กติกาก็ไม่ช่วยอะไร
“พลังสังคมจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมการเมือง และการบังคับใช้กฎหมายให้ถูกต้อง ถ้าระบบการเมืองไม่สามารถสร้างความศรัทธาได้ สุดท้ายจะย้อนกลับสู่ปัญหาเดิม เมื่อถึงการเลือกตั้ง สังคมจะมีโอกาสเลือกพรรคการเมือง ถ้าสนับสนุนคนเก่า ให้ทำแบบเก่า ก็ได้ผลแบบเก่า แต่ในฐานะนักการเมือง ก็เรียกร้องนักการเมืองด้วยกันว่า ต้องเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงปฏิรูป” นายอภิสิทธิ์ กล่าว .- สำนักข่าวไทย