กรุงเทพฯ 2 ก.พ.-“พิธา” เตรียมฟ้อง “ณฐพร” ยื่นกกต.ยุบก้าวไกล ชี้ข้อกล่าวหาเลอะเทอะ ไร้สาระ เชื่อตั้งใจก่อกวน กลบเกลื่อนความผิดพลาดการบริหารงานของรัฐบาล
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพลต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัวกรณีนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นเรื่องขอให้กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) พิจารณาเสนอศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคก้าวไกล จากกรณีพรรคและสมาชิกพรรคแสดงความเห็นทางการเมือง เข้าร่วมกับผู้ชุมนุม ประกันตัวผู้ต้องหาในคดีชุมนุมทางการเมือง และเสนอแก้กฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า ติดตามข่าวและได้อ่านเอกสารคำร้องที่นายณฐพรส่งให้กกต.แล้ว
“ผมไม่มีอะไรจะพูดมาก นอกจากคำว่าเลอะเทอะและไร้สาระ คุณณฐพร โตประยูร ชื่อคุ้นๆ เพราะเป็นหนึ่งในผู้เกี่ยวของกับคดีฟอกเงินที่ดินคลองจั่นเกือบ 5 ร้อยล้านบาท เป็นผู้สนับสนุนระบอบสืบทอดอำนาจคสช. และเขายังเป็นคนเดียวกับที่เคยยื่นให้ยุบพรรคอนาคตใหม่คดีอิลูมินาติด้วย ซึ่งคดีนั้นจบลงที่ศาลวินิจฉัยไม่ยุบพรรคอนาคตใหม่ เนื่องจากไม่ได้ล้มล้างการปกครองหรือเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครอง” หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าว
นายพิธา กล่าวว่า คำร้องยุบพรรคที่คุณณฐพรเขียน ข้อเท็จจริงที่กล่าวอ้างมาไม่มีส่วนไหนเลยที่สนับสนุนสิ่งที่กล่าวหา ซึ่งอ่านทั้งหมดแล้วรู้สึกว่าไร้สาระยิ่งกว่าคดีอิลูมินาติเสียอีก ดังนั้น ตนและพรรคกำลังพิจารณาฟ้องร้องดำเนินคดีนายณฐพร ในความผิดมาตรา 101 แห่ง พ.ร.บ.พรรคการเมือง พ.ศ.2560 ในข้อหาที่ว่าผู้ใดแจ้งหรือกล่าวหาพรรคการเมืองหรือบุคคลใดว่ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ต่อคณะกรรมการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยรู้อยู่ว่าเป็นความเท็จต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น
“เมื่อดูภาพรวมประกอบบริบทสถานการณ์แล้ว การยื่นคำร้องยุบพรรคก้าวไกลแบบนี้ คิดเป็นอื่นไม่ได้ นอกจากความตั้งใจก่อกวนให้พวกเราเสียสมาธิในการทำงาน และเบี่ยงประเด็นกลบเกลื่อนความผิดพลาดในการบริหารงานของรัฐบาล ที่จะถูกแฉในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่กำลังจะมีขึ้นใน 2 สัปดาห์ข้างหน้านี้” หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าว
นายพิธา กล่าวว่าขอเชิญชวนประชาชนติดตามการประชุมสภาเพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งจะเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป พรรคก้าวไกลพร้อมอภิปรายอย่างสร้างสรรค์ ยืนยันจะทำเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน ภาษีทุกบาททุกสตางค์ต้องถูกใช้อย่างคุ้มค่าและโปร่งใส.-สำนักข่าวไทย