นนทบุรี 5 ม.ค. – เงินเฟ้อ ธ.ค.ติดลบน้อยลง เหตุกลุ่มอาหารสดสูงระมัดระวังใช้จ่ายช่วงโควิด ดันทั้งปีตามคาดการณ์ติดลบเพียงร้อยละ 0.85 ปี 64 เงินเฟ้อกลับมาบวกร้อยละ 1.2 – 1.7
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า หรือ สนค. กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป หรือ เงินเฟ้อเดือนธันวาคม 2563 เทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนลดลงร้อยละ 0.27 ติดลบน้อยลงเป็นเดือนที่ 3 ดีขึ้นจากเดือนก่อนเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของกลุ่มอาหารสด ความต้องการสูง รวมถึงราคาสุกรความต้องการบริโภคในตลาดต่างประเทศยังต้องการเพิ่มขึ้น ขณะที่ราคากลุ่มพลังงานลดลงไม่ได้ขึ้นหรือลงมากนัก ส่วนสินค้าอุปโภค-บริโภคอื่น ๆ ยังเคลื่อนไหวสอดคล้องกับปริมาณสินค้า ความต้องการ แต่สินค้าโดยรวมไม่ได้มีการปรับขึ้นไปมากมีเพียงผักสดขึ้นเล็กน้อยตามฤดูกาล ถือว่าไม่ผิดปกติแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม เหตุผลหลักที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อยังติดลบต่อเนื่องแต่น้อยลงเป็นเดือนที่ 3 มีปัจจัยมาจากปัญหาความกังวลเกี่ยวกับโควิด-19 แต่ขณะนี้ความกังวลดังกล่าวเริ่มมีมากขึ้นจากการระบาดโควิดในรอบใหม่ ซึ่งน่าจะส่งผลในเดือนถัดไป และคงจะต้องติดตามผลกระทบในด้านต่างๆที่จะส่งผลกระทบอัตราเงินเฟ้อในช่วงไตรมาสแรกปี 64 ติดลบ และจะเป็นบวกในไตรมาสที่เหลือได้ แม้ว่าจะเกิดโควิดรอบใหม่ แต่ขณะนี้ไม่มีการกักตุนสินค้าราคาสินค้าไม่สูงจึงทำให้ราคาสินค้าและบริการไม่ได้มีการฉวยโอกาสปรับราคาสูงขึ้นไปมากแต่อย่างใด
ขณะที่ปัจจัยบวกที่เสริมเข้ามากระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยผ่านโครงการภาครัฐ เช่น คนละครึ่ง และชิบช้อปใช้ส่งผลให้ความต้องการสินค้ากับมาคึกคักเพิ่มขึ้น ส่งผลทำให้ เงินเฟ้อทั่วไป ตลอดทั้งปี 63 ลดลงร้อยละ 0.85 โดยสนค.มองว่าจากปัจจัยลบด้านโควิดที่ยังเป็นตัวฉุดความกังวลต่อการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนและกระทบต่อการท่องเที่ยวโดยรวมอยู่แต่จะมาจากมาตรการภาครัฐที่ออกมาทั้งการให้เงินสู่ประชาชนบางกลุ่มจะทำให้กระตุ้นภาคเศรษฐกิจในการจับจ่ายใช้สอยในด้านต่างๆด้วย
อย่างไรก็ตาม สนค.คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อในปี 64 ยังมองว่า เงินเฟ้อจะเป็นบวกเฉลี่ยอยู่ที่ 1.2-1.7 โดยมีค่ากลางอยู่ที่ร้อยละ 0.7 ซึ่งมีปัจจัยจีดีพีของประเทศติดบวกร้อยละ 3.5-4.5 อัตราแลกเปลี่ยน 30.0-32.0 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ราคาน้ำมันจะอยู่ที่ 40-50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แม้จะยังมีปัจจัยลบ ได้แก่ ความกังวลการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบใหม่ แต่ก็เชื่อว่าหลายฝ่ายทั่วโลกกำลังรอข่าวดีวัคซีนที่จะใช้ป้องกันปัญหาการแพร่ระบาดโควิดได้ในปี 64 จึงเชื่อว่าจะทำให้เศรษฐกิจโลกจะกลับมาดีขึ้นได้ . – สำนักข่าวไทย