สโมสรทหารบก 14 ธ.ค.-นายกฯ มอบรางวัลอุตสาหกรรม ประจำปี 2563 เน้นย้ำภาคอุตสาหกรรมมีส่วนช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ยุค 4.0 พร้อมส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมใหม่ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพภาคอุตสาหกรรม ฝากเอกชนดูแลค่าฝุ่นละออง PM 2.5
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานพิธีมอบรางวัลอุตสาหกรรม ประจำปี 2563 ซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 28 โดยปีนี้มีผู้ประกอบการได้รับรางวัลรวม 79 ราย ประกอบด้วย รางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยม 1 รางวัล คือ บริษัท เอฟแอนด์เอ็น แดรี่ส์ (ประเทศไทย) จำกัด รางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 48 รางวัล และรางวัลอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมดีเด่น 30 รางวัล พร้อมมอบรางวัลชมเชย 5 รางวัล เพื่อเป็นกำลังใจให้กับผู้ประกอบการรพัฒนาธุรกิจและอุตสาหกรรมต่อไป
นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความยินดีกับผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัล พร้อมเน้นย้ำว่า ภาคอุตสาหกรรมมีบทบาทสำคัญขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศไปสู่ยุค 4.0 โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่แนวโน้มเศรษฐกิจของโลกเปลี่ยนแปลงและเติบโตอย่างรวดเร็ว การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้เสริมสร้างศักยภาพทั้งด้านการผลิต และผสานความคิดสร้างสรรค์ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์สินค้า ถือเป็นการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับภาคอุตสาหกรรมไทยตามนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศและนำไปสู่ประเทศไทย 4.0
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลขับเคลื่อนนโยบายเพื่อส่งเสริมและพัฒนาภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการมุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve ที่ส่งเสริมการทำตลาดในกลุ่มอุตสาหกรรมศักยภาพ เพื่อเชื่อมโยงอุตสาหกรรมไทยสู่สากล การส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการ โดยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สนับสนุนและส่งเสริมผู้ประกอบการใหม่ในเชิงสร้างสรรค์ เพิ่มศักยภาพ SMEs และผู้ประกอบการชุมชน เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ชุมชนเพื่อสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจในระดับภาค ในภาคการผลิตรัฐบาลได้มุ่งเน้นยกระดับสถานประกอบการด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย พลังงาน และการบูรณาการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศแบบครบวงจร
“การดำเนินการทั้งหมดอยู่ภายใต้โมเดลเศรษฐกิจใหม่ (BCG) เป็นการพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวมที่จะพัฒนา 3 เศรษฐกิจ คือ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียวไปพร้อมกัน ตลอดจนการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่การเชื่อมโยงและพัฒนาระบบฐานข้อมูล หรือ BIG DATA สู่อุตสาหกรรม 4.0 ทั้งด้านการอนุมัติอนุญาตการทำธุรกิจ การบริการ รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเชิงลึก ให้รองรับกับระบบงานในโลกดิจิทัลมากยิ่งขึ้น” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การพัฒนาภาคอุตสาหกรรมไปสู่เป้าหมายหลักของประเทศ หัวใจสำคัญคือผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมซึ่งต้องร่วมมือร่วมใจกันขับเคลื่อนพัฒนาเพื่อให้เกิดคุณภาพมาตรฐานนำเทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้บริหารจัดการ ปรับปรุงระบบการผลิตและการให้บริการอย่างเหมาะสมสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงและแนวโน้มเศรษฐกิจของโลก เพื่อทำให้เกิดศักยภาพทางการแข่งขันในตลาดสากลได้อย่างมั่นคง เข้มแข็งต่อไป
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมไทยคำนึงถึงความใส่ใจต่อผู้บริโภคความปลอดภัย และช่วยกันดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมทั้งชุมชนโดยรอบและของประเทศอย่างสมดุล โดยเฉพาะปัญหา pm 2.5 รวมทั้งเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมรายอื่น ๆ นำไปปรับใช้และปฏิบัติตาม
“ไทยถือเป็นประเทศที่สามารถแก้ไขปัญหาโควิด-19 ได้ดีระดับหนึ่ง ดังนั้นต้องสร้างความเชื่อมั่น ช่วยกันแก้ไขปัญหา และลดอุปสรรคต่างๆด้วยความเข้าใจ เพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤติได้ และขออย่าทำลายสิ่งดี ๆ ต้องร่วมกันสร้างความเจริญเติบโต และให้ความสำคัญกับหลักสิทธิมนุษยชนในการประกอบธุรกิจด้วย” นายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย