กรุงเทพฯ 19 ต.ค.-กอร.ฉ.แจงคำสั่งระงับเนื้อหาสื่อยังไม่มีผลบังคับใช้ หากพบเนื้อหาบิดเบือน จะถูกระงับเฉพาะบางส่วน
พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย และ พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. แถลงข่าวสถานการณ์การชุมนุมมีรายละเอียดดังนี้
พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย เปิดเผยว่า สถานการณ์นัดหมายของกลุ่มผู้ชุมนุมจากข้อมูลทางการข่าวจะมีการชุมนุม ณ แยกเกษตร ใต้สะพานภูมิพล และ MRT สาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี การปฏิบัติดูแลความสงบเรียบร้อยการชุมนุมทางตำรวจจะประเมินตามสถานการณ์ โดย บช.น.เตรียมกำลังกองร้อยควบคุมฝูงชนหลัก 12 กองร้อย รวมทั้งหมด 1,860 นาย ภายใต้การบังคับบัญชาของ พล.ต.ต.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปชัย และ พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน รอง ผบช.น. โดยเน้นการเป็นชุดเคลื่อนที่เร็วในการเข้ารักษาความสงบเรียบร้อยในบริเวณที่มีการชุมนุมและป้องกันมือที่สามก่อความไม่สงบเรียบร้อย
นอกจากนี้ ขอย้ำเตือนมายังพี่น้องประชาชนว่า การบังคับใช้กฎหมายในช่วงเวลานี้ กับกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นไปตามกฎหมายภายใต้การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขต กทม. ซึ่งใช้อำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มิใช่ช่วงสถานการณ์ปกติ จึงไม่อนุญาตให้มีการชุมนุมที่มีวัตถุประสงค์อันก่อให้เกิดความไม่สงบใดๆ ทั้งสิ้น
ส่วนการนำเสนอข่าวสารไม่ว่าจะเป็นภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหว อันจะเป็นการปลุกปั่นหรือทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ขณะนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่องทางโซเชียลมีเดีย ที่มีการชักชวนเชิญชวนเข้ามาชุมนุมอาจมีความผิดตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม การใช้โซเชียลมีเดียในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการโพสต์ข้อมูลอันเป็นเท็จ ซึ่งการกระทำดังกล่าวนอกจากจะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ อาจมีความผิดตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน อีกด้วย จึงขอแสดงความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชนให้คำนึงถึงประกาศ และข้อกำหนด ตาม พ.ร.ก.ดังกล่าว .-สำนักข่าวไทย