ทำเนียบฯ 16 ต.ค.- นายกฯ ลั่นไม่ลาออกตามข้อเรียกร้องผู้ชุมนุม ถามผิดอะไร วอนผู้ปกครองเตือนบุตรหลาน ไม่อยากให้ใครถูกดำเนินคดี ระบุประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินใช้ 30 วัน ชี้เคอร์ฟิวเป็นไปตามขั้นตอนหากบานปลาย ไม่ถึงขั้นกฎอัยการศึก ขอทุกฝ่ายช่วยกันทำให้บ้านเมืองสงบ รักแผ่นดินเกิดให้มาก
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ ว่า ได้พิจารณาเห็นชอบประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีความจำเป็นต้องประกาศใช้ เพราะสถานการณ์มีความรุนแรง ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จะพยายามใช้ให้สั้นที่สุด เบื้องต้นกำหนดประกาศใช้ 30 วัน ถึงวันที่ 13 พ.ย. 2563 แต่หากสถานการณ์ดีขึ้นก็สามารถประกาศยกเลิกได้ทันที
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้มอบแนวทางให้กับหัวหน้าผู้รับผิดชอบ ทั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในการบังคับใช้กฎหมาย และขอร้องผู้ปกครองให้ช่วยดูแลบุตรหลานให้ดีที่สุด เพราะไม่อยากให้ใครถูกดำเนินคดี ขณะนี้พอทราบผู้ที่อยู่เบื้องหลังของการเคลื่อนไหว ส่วนจะมีการประกาศเคอร์ฟิวส์เพื่อควบคุมสถานการณ์หรือไม่นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ได้เตรียมพร้อมไว้หากสถานการณ์ลุกลามบานปลาย ซึ่งมีขั้นตอนและเงื่อนไข รวมถึงเวลาที่เหมาะสม แต่สถานการณ์ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นต้องประกาศใช้กฎอัยการศึก นอกจากนี้ได้มอบหมายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ทำความเข้าใจสถานการณ์กับต่างประเทศแล้ว และปฏิเสธให้ความเห็นหลังถูกผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องการรัฐประหาร โดยกล่าวว่า เป็นคำถามที่ซ้ำซาก
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านเรียกร้องให้เปิดสภาสมัยวิสามัญเพื่อหาทางแก้ไขสถานการณ์การชุมนุมในขณะนี้ว่า ขอให้เดินหน้าตามกระบวนการเพราะอีกเพียง 2 สัปดาห์ก็จะเปิดประชุมสภาสมัยสามัญแล้ว ขณะนี้ทุกอย่างกำลังเดินหน้าตามกลไก ซึ่งรัฐบาลพร้อมสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นไปตามขั้นตอน ตนจะไม่ลาออกตามข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุม แม้จะไม่มีการกดดัน พร้อมถามกลับว่า ที่ผ่านมา ตนผิดอะไร วันนี้ขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันทำให้บ้านเมืองสงบ มีเสถียรภาพ ไม่ให้สถานการณ์บานปลาย เพราะเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ยังรอโอกาส และการสนับสนุนจากรัฐบาล
นายกรัฐมนตรี ยังฝากไปถึงสื่อมวลชนก่อนเข้าพื้นที่ชุมนุม ขอให้ติดปลอกแขนเพื่อแสดงสัญลักษณ์ให้ชัดเจนป้องกันการแอบอ้าง เพราะตอนนี้มีการถ่ายภาพแล้วสื่อออกมาแล้วแต่มุมมอง ทำให้เกิดความสับสน ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ดูแลอย่างเต็มที่ ไม่มีการใช้กำลัง และเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำ พร้อมเตือนการใช้โซเชียลมีเดียที่บิดเบือน อย่าทำเพราะผิดกฎหมาย
เมื่อถามถึงข้อเสนอของนักวิชาการอยากให้รัฐบาลจริงใจเปิดรับฟังผู้เห็นต่าง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมไม่จริงใจตรงไหน คุณไม่ถามกลับว่าเขาจริงใจหรือเปล่า เพราะผมเป็นนายกรัฐมนตรีที่รับฟังมากที่สุด” เมื่อถามถึงการเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุมที่คล้ายกับฮ่องกงโมเดล นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แล้วฮ่องกงโมเดลเป็นอย่างไรบ้าง ธุรกิจเสียหายพังพินาศ คนชุมนุมเป็นอย่างไรบ้าง แต่นั่นเขาเป็นสังคมนิยมประชาธิปไตย แต่เราเป็นประชาธิปไตยไม่สามารถทำได้ ดังนั้นเราจะต้องทำให้ดีที่สุด และต้องอยู่ด้วยความร่วมมือของคนไทยทุกคน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความวุ่นวายของบ้านเมืองที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่มาจากการนำเสนอข่าวของสื่อที่มุ่งเน้นแต่ประเด็นทางการเมือง ที่บ้านเมืองไม่สงบเป็นเพราะใคร และสิ่งที่รัฐบาลทำมาตลอดหลายปี สื่อมวลชนเคยนำเสนอในทิศทางที่ดีต่อประชาชนบ้างหรือไม่ เพราะท่านเน้นแต่เสนอข่าวการเมืองอย่างเดียว บ้านเมืองถึงวุ่นวายแบบนี้ ขอให้นำเสนอข่าวเพื่อให้บ้านเมืองสงบ ตนก็ไม่รู้ว่าทำความผิดอะไร
ผู้สื่อข่าวถามถามว่า อาจเป็นเพราะนายกรัฐมนตรีอยู่นานเกินไป และมีแนวโน้มจะอยู่อีกนาน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ปัดโธ่ เคยเข้าวัดฟังพระสวดหรือไม่ สวดพระอภิธรรมบทมีอยู่ 4 จบให้ไปฟัง เมื่อถามต่อระหว่างสวดมนต์กับแผ่เมตตาจะทำอะไรดีกว่ากัน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทำทุกอย่างและให้อโหสิกับคนทุกคน ไม่ให้ร้ายกับใคร เพระสิ่งที่ให้ร้ายคนอื่นจะกลับมาที่ตัวเอง ดังนั้นอย่าประมาทการใช้ชีวิต เพราะทุกคนมีทั้งตายในวันนี้ และพรุ่งนี้ อย่าประมาทชีวิต ต้องพร้อมตายในทุกโอกาสเพราะเรากำหนดไม่ได้ อย่าท้าทายกับพญามัจจุราช
นายกรัฐมนตรี ฝากไปยังกลุ่มผู้ชุมนุมว่า ขอร้องไม่อยากให้ใครต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งสิ้น ไม่อยากให้ทำ รักแผ่นดินเกิดของท่านให้มากขึ้นเท่านั้นเอง .-สำนักข่าวไทย