fbpx

นายกฯ ลั่นไม่ลาออก

ทำเนียบฯ 16 ต.ค.- นายกฯ ลั่นไม่ลาออกตามข้อเรียกร้องผู้ชุมนุม ถามผิดอะไร วอนผู้ปกครองเตือนบุตรหลาน ไม่อยากให้ใครถูกดำเนินคดี ระบุประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินใช้ 30 วัน ชี้เคอร์ฟิวเป็นไปตามขั้นตอนหากบานปลาย ไม่ถึงขั้นกฎอัยการศึก ขอทุกฝ่ายช่วยกันทำให้บ้านเมืองสงบ รักแผ่นดินเกิดให้มาก


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ ว่า ได้พิจารณาเห็นชอบประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีความจำเป็นต้องประกาศใช้ เพราะสถานการณ์มีความรุนแรง ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จะพยายามใช้ให้สั้นที่สุด เบื้องต้นกำหนดประกาศใช้ 30 วัน ถึงวันที่ 13 พ.ย. 2563 แต่หากสถานการณ์ดีขึ้นก็สามารถประกาศยกเลิกได้ทันที

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้มอบแนวทางให้กับหัวหน้าผู้รับผิดชอบ ทั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในการบังคับใช้กฎหมาย และขอร้องผู้ปกครองให้ช่วยดูแลบุตรหลานให้ดีที่สุด เพราะไม่อยากให้ใครถูกดำเนินคดี ขณะนี้พอทราบผู้ที่อยู่เบื้องหลังของการเคลื่อนไหว ส่วนจะมีการประกาศเคอร์ฟิวส์เพื่อควบคุมสถานการณ์หรือไม่นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ได้เตรียมพร้อมไว้หากสถานการณ์ลุกลามบานปลาย ซึ่งมีขั้นตอนและเงื่อนไข รวมถึงเวลาที่เหมาะสม แต่สถานการณ์ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นต้องประกาศใช้กฎอัยการศึก นอกจากนี้ได้มอบหมายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ทำความเข้าใจสถานการณ์กับต่างประเทศแล้ว และปฏิเสธให้ความเห็นหลังถูกผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องการรัฐประหาร โดยกล่าวว่า เป็นคำถามที่ซ้ำซาก


พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านเรียกร้องให้เปิดสภาสมัยวิสามัญเพื่อหาทางแก้ไขสถานการณ์การชุมนุมในขณะนี้ว่า ขอให้เดินหน้าตามกระบวนการเพราะอีกเพียง 2 สัปดาห์ก็จะเปิดประชุมสภาสมัยสามัญแล้ว ขณะนี้ทุกอย่างกำลังเดินหน้าตามกลไก ซึ่งรัฐบาลพร้อมสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นไปตามขั้นตอน ตนจะไม่ลาออกตามข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุม แม้จะไม่มีการกดดัน พร้อมถามกลับว่า ที่ผ่านมา ตนผิดอะไร วันนี้ขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันทำให้บ้านเมืองสงบ มีเสถียรภาพ ไม่ให้สถานการณ์บานปลาย เพราะเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ยังรอโอกาส และการสนับสนุนจากรัฐบาล

นายกรัฐมนตรี ยังฝากไปถึงสื่อมวลชนก่อนเข้าพื้นที่ชุมนุม ขอให้ติดปลอกแขนเพื่อแสดงสัญลักษณ์ให้ชัดเจนป้องกันการแอบอ้าง เพราะตอนนี้มีการถ่ายภาพแล้วสื่อออกมาแล้วแต่มุมมอง ทำให้เกิดความสับสน ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ดูแลอย่างเต็มที่ ไม่มีการใช้กำลัง และเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำ พร้อมเตือนการใช้โซเชียลมีเดียที่บิดเบือน อย่าทำเพราะผิดกฎหมาย

เมื่อถามถึงข้อเสนอของนักวิชาการอยากให้รัฐบาลจริงใจเปิดรับฟังผู้เห็นต่าง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมไม่จริงใจตรงไหน คุณไม่ถามกลับว่าเขาจริงใจหรือเปล่า เพราะผมเป็นนายกรัฐมนตรีที่รับฟังมากที่สุด” เมื่อถามถึงการเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุมที่คล้ายกับฮ่องกงโมเดล นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แล้วฮ่องกงโมเดลเป็นอย่างไรบ้าง ธุรกิจเสียหายพังพินาศ คนชุมนุมเป็นอย่างไรบ้าง แต่นั่นเขาเป็นสังคมนิยมประชาธิปไตย แต่เราเป็นประชาธิปไตยไม่สามารถทำได้ ดังนั้นเราจะต้องทำให้ดีที่สุด และต้องอยู่ด้วยความร่วมมือของคนไทยทุกคน


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความวุ่นวายของบ้านเมืองที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่มาจากการนำเสนอข่าวของสื่อที่มุ่งเน้นแต่ประเด็นทางการเมือง ที่บ้านเมืองไม่สงบเป็นเพราะใคร และสิ่งที่รัฐบาลทำมาตลอดหลายปี สื่อมวลชนเคยนำเสนอในทิศทางที่ดีต่อประชาชนบ้างหรือไม่ เพราะท่านเน้นแต่เสนอข่าวการเมืองอย่างเดียว บ้านเมืองถึงวุ่นวายแบบนี้ ขอให้นำเสนอข่าวเพื่อให้บ้านเมืองสงบ ตนก็ไม่รู้ว่าทำความผิดอะไร

ผู้สื่อข่าวถามถามว่า อาจเป็นเพราะนายกรัฐมนตรีอยู่นานเกินไป และมีแนวโน้มจะอยู่อีกนาน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ปัดโธ่ เคยเข้าวัดฟังพระสวดหรือไม่ สวดพระอภิธรรมบทมีอยู่ 4 จบให้ไปฟัง เมื่อถามต่อระหว่างสวดมนต์กับแผ่เมตตาจะทำอะไรดีกว่ากัน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทำทุกอย่างและให้อโหสิกับคนทุกคน ไม่ให้ร้ายกับใคร เพระสิ่งที่ให้ร้ายคนอื่นจะกลับมาที่ตัวเอง ดังนั้นอย่าประมาทการใช้ชีวิต เพราะทุกคนมีทั้งตายในวันนี้ และพรุ่งนี้ อย่าประมาทชีวิต ต้องพร้อมตายในทุกโอกาสเพราะเรากำหนดไม่ได้ อย่าท้าทายกับพญามัจจุราช

นายกรัฐมนตรี ฝากไปยังกลุ่มผู้ชุมนุมว่า ขอร้องไม่อยากให้ใครต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งสิ้น ไม่อยากให้ทำ รักแผ่นดินเกิดของท่านให้มากขึ้นเท่านั้นเอง .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

ผลสอบ “ครูเบญ” เบื้องต้นไม่ผ่านเกณฑ์ ส่ง พฐ.ร่วมตรวจพิสูจน์

สพฐ. เผยผลสอบ “ครูเบญ” เบื้องต้นคะแนนไม่ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 60 ทั้งภาค ก. ภาค ข. และไม่ติด 1 ใน 10 ส่งข้อสอบให้ พฐ. ตรวจพิสูจน์เพื่อความโปร่งใส

นายกฯ ขอบคุณทุกหน่วยงานระดมช่วยผู้ประสบภัย

“นายกฯ แพทองธาร” ขอบคุณทุกหน่วยงานระดมช่วยผู้ประสบอุทกภัย หวัง ศปช.รับมือ-ช่วยเหลือรวดเร็วทันท่วงที รวมถึงการเยียวยาหลังจากนี้

ฟื้นฟูชายแดนแม่สาย-เร่งกู้ตลาดสายลมจอย

เจ้าหน้าที่เร่งฟื้นฟูชุมชนชายแดนแม่สายที่ถูกน้ำท่วมและจมโคลนมานาน 10 วัน รวมทั้งเร่งกู้ตลาดสายลมจอยแหล่งจำหน่ายสินค้าชายแดนที่เสียหายอย่างหนัก

ฆ่ารัดคอขับโบลท์

รวบ “ไอ้แม็ก” ฆ่ารัดคอหญิงขับโบลท์ พบเคยถูกจับคดีโหด

จับแล้ว “ไอ้แม็ก” เดนคุก ฆ่ารัดคอหญิงขับโบลท์ ทิ้งร่างอำพราง ริมถนนห้วยพลู จ.นครปฐม ก่อนเอารถไปขาย สอบประวัติ พบเพิ่งพ้นโทษ คดีล่ามโซ่ล่วงละเมิดเด็กวัย 13 ปี นาน 1 สัปดาห์ เมื่อปี 2553