กทม.5 ต.ค.- ศาลเลื่อนนัดฟังคำสั่ง “พล.ต.อ.วิระชัย” ฟ้อง 8 ตำรวจ คดีคลิปเสียง เป็น 23 พ.ย.นี้ พร้อมสั่ง ตร.ส่งสำนวนพร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องภายใน 5 พฤศจิกายน
พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมทนายความ มาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อฟังคำสั่งในชั้นตรวจสำนวนคำฟ้อง หลังยื่นฟ้อง พล.ต.อ.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร จเรตำรวจแห่งชาติ กับพวกรวม 8 คนเป็นจำเลย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 และ 157
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้ง 8 เป็นเจ้าพนักงานและมีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงจัดทำรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง และรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 24/2563 กรณีสื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับคลิปเสียงโทรศัพท์การสนทนา เหตุคนร้ายยิงรถยนต์ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ระหว่าง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา กับโจทก์
จำเลยทั้ง 8 ในฐานะคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ ร่วมกันจัดทำรายงานพร้อมสรุปผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำของโจทก์ โดยกล่าวหาว่าการกระทำของโจทก์ดังกล่าวมีมูลเพียงพอรับฟังได้ว่า กระทำผิดวินัยร้ายแรงเป็นการใช้ดุลพินิจโดยอำเภอใจ มิได้พิจารณาโดยใช้ดุลพินิจอย่างเที่ยงธรรม ถูกต้องเหมาะสม การรายงานผลดังกล่าวเป็นเหตุให้โจทก์ถูกกล่าวหาทางคดีอาญา ถูกตั้งกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงและถูกสำรองราชการให้พ้นจากรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขาดคุณสมบัติในการเสนอชื่อดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไม่ได้รับเงินประจำตำแหน่งและพ้นจากตำแหน่งกรรมการข้าราชการตำรวจ
ศาลอาญาคดีทุจริตฯตรวจคำฟ้องและเพื่อให้กรณีดังกล่าวเกิดความชัดเจน เป็นธรรม ศาลได้มีคำสั่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่งสำนวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงและ สำนวนการสอบสวน รวมทั้งเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้ศาลภายในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ นอกจากนี้ ยังให้ทนายโจทก์ ยื่นคำแถลงต่อศาลถึง รายละเอียดเกี่ยวกับการฟ้องร้องกรณีดังกล่าวว่ามีการฟ้องร้องที่ใดบ้าง ทั้ง ป.ป.ช., ป.ป.ท., ศาลปกครอง ภายใน 30 วัน และนัดฟังคำสั่งอีกครั้ง 23 พฤศจิกายน เวลา 10.00 น.
พล ต.อ.วิระชัย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้ส่งหนังสือชี้แจงต่อคณะกรรมการชุดดังกล่าวแล้วยืนยันความบริสุทธิ์ไม่ได้เป็นผู้ปล่อยคลิปให้สื่อมวลชน แต่กลับถูกตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงและถูกคำสั่งสำรองราชการในที่สุด จึงต้องมีการยื่นฟ้องเพื่อปกป้องสิทธิ์และศักดิ์ศรีความเป็นตำรวจของตน และเมื่อถึงเวลาที่สมควรตนจะออกมาให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนอีกครั้ง
ด้านนายสุนทร ชูแก้ว ทนายความ เปิดเผยว่า คดีอยู่ในชั้นการตรวจคำฟ้อง ศาลจึงมีคำสั่งให้เรียกเอกสาร สำนวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงและสำนวนการสอบสวน รวมทั้งเอกสารที่เกี่ยวข้องกรณีดังกล่าว จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาตรวจสอบ ซึ่งผลการตรวจสอบและรายงานฉบับดังกล่าวพลตำรวจเอกวิระชัย ในฐานะโจทย์ ติดใจมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม มั่นใจในพยานหลักฐานการดำเนินการฟ้องร้องในครั้งนี้ ซึ่งพลตำรวจเอกวิระชัย ยืนยันมาตลอด ไม่ใช่คนปล่อยคลิปเสียงให้สื่อมวลชน พลตำรวจเอกวิระชัย มีอาวุโสอันดับหนึ่ง ไม่มีตำหนิแต่มีการสไลด์ออกไป แล้วนำคนที่มีอาวุโสน้อยกว่าขึ้นมาแทนที่ ส่วนสำนวนฟ้องร้องพลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ฐานปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หลังถูกกลั่นแกล้งตั้งสอบวินัยร้ายแรงจนถูกสำรองราชการ เสียสิทธิ์การได้รับแต่งตั้งเป็น ผบ.ตร.จะมีการส่งเอกสารเพิ่มเติมต่อศาลภายในสัปดาห์นี้.-สำนักข่าวไทย
