กรุงเทพฯ 1 ต.ค.- “สมชัย” เรียกร้อง กกต.แจงเงินบริจาคของพรรคประชาชนปฏิรูป หลังยุบพรรค ส่งรายงานบัญชีและงบการเงิน และชำระบัญชีแล้วหรือยัง นำเงินบริจาคไปทำอะไร พร้อมเผยตัวเลขที่ได้รับบริจาค 19.9 ล้านบาท
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์เฟสบุ๊ค เรียกร้องให้ ประธาน กกต.ในฐานะ ประธานคณะกรรมการกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคเมือง และ เลขาธิการ กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ชี้แจงและเปิดเผยกรณีเงินบริจาคของพรรคประชาชนปฏิรูป หลังนายไพบูลย์ นิติตะวัน ยุบพรรคและนำตัวเองไปเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคพลังประชารัฐ โดยนายสมชัย เห็นว่าในวันนี้ครบ 390 วันที่ กกต.มีประกาศยุบพรรคประชาชนปฏิรูป ตามประกาศในราชกิจจาฯ เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2562 ซึ่งตามมาตรา 95 ของ พ.ร.บ.พรรคการเมือง หากพรรคการเมืองใดยุบพรรค ต้องส่งบัญชี และงบฯ แสดงฐานะทางการเงิน รวมทั้งเอกสารเกี่ยวกับการเงินให้ กกต. ภายใน 30 วัน และ กกต.ต้องส่งเรื่องให้ สตง.ชำระบัญชีให้แล้วเสร็จใน 180 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากนายทะเบียนพรรคการเมือง โดยสามารถขยายได้อีก 180 วัน ดังนั้นวันนี้ผ่านมา 390 วัน คือ ครบ 30 วันแรกที่ต้องยื่น และ 180 ที่ต้องให้ สตง.ชำระบัญชี และอีก 180 วันหากต้องขยายเวลา กลับไม่มีความคืบหน้า
นายสมชัย เรียกร้องให้ กกต.ชี้แจง ว่ารายงานการประชุมกรรมการบริหารพรรคประชาชนปฏิรูปครั้งสุดท้ายที่มีมติยุบพรรค ได้ระบุว่าจะยกเงินให้แก่องค์กรสาธารณกุศลใด และได้มอบเงินให้แก่องค์กรดังกล่าวแล้วหรือยัง จำนวนเท่าใด พรรคประชาชนปฏิรูปได้ส่งรายงานบัญชีและงบการเงินและเอกสารการเงินต่าง ๆ ให้ กกต. ตรงตามกำหนด 30 วัน หลังจากยุบพรรคหรือไม่ และ กกต.ได้ส่งเอกสารทั้งหมดให้ สตง.ทำการตรวจสอบแล้วหรือยัง ส่งวันที่เท่าไร และมีรายงานกลับมาที่ กกต.แล้วหรือยัง
นายสมชัย ยังได้เปิดเผยตัวเลขเงินรายได้ของพรรคประชาชนปฏิรูป ตั้งแต่เมื่อ 14 พฤศจิกายน 2561 จนถึงวันสิ้นสภาพพรรค เมื่อ 6 กันยายน 2562 พรรคประชาชนปฏิรูป มีรายได้จากการบริจาคในแต่ละเดือน ดังนี้ ธันวาคม 2561 จำนวน 330,000 บาท มกราคม 2562 จำนวน 9,920,000 บาท กุมภาพันธ์ 2562 จำนวน 7,780,000 บาท มีนาคม 2562 จำนวน 1,110,000 บาท กรกฎาคม 2562 จำนวน 650,000 บาท และ สิงหาคม 2562 จำนวน 170,340 บาท รวมเป็นเงิน 19,960,340 บาท
“เงิน 19.9 ล้านบาทนี้ เมื่อหักลบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในช่วงดำเนินกิจการพรรค เหลือเท่าไรต้องมอบให้องค์กรสาธารณกุศล ตามมติของกรรมการบริหารพรรค แต่หากไม่มีการระบุ เงินที่เหลือต้องตกเป็นของกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองที่มี ประธาน กกต.เป็นผู้ดูแล” นายสมชัย กล่าว.-สำนักข่าวไทย