กรุงเทพฯ 14 ก.ย.- “ลุงพล-ป้าแต๋น” พร้อมทนายษิทรา ยื่นศาลฟ้อง “อัจฉริยะ” หมิ่นประมาท หลังไลฟ์กล่าวหาเกี่ยวข้องกับการตายน้องชมพู่ เจ้าตัวลั่นพร้อมให้อภัยหากขอโทษผ่านสื่อ ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง 25 ม.ค.64
นายไชย์พล และนางสมพร วิภา หรือ ลุงพล – ป้าแต๋น 2 สามีภรรยาคดีน้องชมพู่ แห่งบ้านกกกอก เดินทางมาที่ศาลอาญารัชดา พร้อมกับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขามูลนิธิ ทีมงานทนายประชาชน เพื่อยื่นฟ้องนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา จากกรณีที่มีการไลฟ์กล่าวหาเชิงประจานว่าเป็นบุคคลที่มีหนี้สินและเกี่ยวข้องกับการตายของน้องชมพู่
นายไชย์พล หรือ ลุงพล เปิดเผยว่า การกระทำของนายอัจฉริยะทำให้ตนเองเสื่อมเสียชื่อเสียง รู้สึกเหมือนดูถูกดูหมิ่นศักดิ์ศรี และทำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิด การฟ้องครั้งนี้ไม่มีการเรียกเงินค่าเสียหายแต่อย่างใด แต่อยากให้เป็นบทเรียนไม่ให้นำเรื่องราวของผู้อื่นมาทำให้เกิดความเสื่อมเสีย แต่หากนายอัจฉริยะขอโทษผ่านสื่อมวลชน ตนก็จะไม่ติดใจเอาความจะถอนฟ้องให้
ด้านนายษิทรา ระบุว่าไม่ได้เป็นฝ่ายติดต่อไปหาลุงพล แต่ลุงพลเป็นฝ่ายมาหาตน เพื่อปรึกษาทางคดี ซึ่งตอนแรกไม่อยากเป็นทนายให้ เพราะเข้าใจว่าลุงพลมีทนายท่านอื่นเป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายแล้ว แต่เมื่อมีหมอปลาและภรรยา เป็นคนกลางติดต่อมา เพราะถูกพาดพิงด้วย จึงยอมรับว่าความให้ โดยคิดค่าทนายดำเนินการฟ้องร้องเป็นกรณีพิเศษเพียง 5,000 บาทโดยจะรับว่าความให้จนกว่าคดีจะถึงที่สุด
สำหรับบรรยากาศการเดินทางมายื่นฟ้องร้องต่อศาลอาญาในครั้งนี้ นอกเหนือจากลุงพล – ป้าแต๋น ที่เป็นผู้เสียหายแล้ว ยังมีนายจีระพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา มือปราบสัมภเวสี, ทนายรัชพล ศิริสาคร , ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ เดินทางมาร่วมเป็นกำลังใจในการฟ้องร้องคดีด้วย
ทั้งนี้ ศาลอาญาได้รับคำร้องและนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 25 มกราคม 2564 เวลา 09.00 น.
ขณะที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ถึงกรณีที่นายไชย์พล หรือลุงพล ฟ้องตนว่ารู้สึกเฉยๆ กับการที่ทั้งสองคนจะไปฟ้องตนเอง แต่มองว่าทั้งลุงพลและป้าแต๋นตกเป็นเครื่องมือของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอยู่หรือไม่ และไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ลุงพล ป้าแต๋นจะได้พบกับทนายษิทรา ต้องมีคนหนุนหลังให้ และพร้อมจะต่อสู้ในชั้นศาลอย่างเต็มที่ ยืนยันว่าการที่ได้ไลฟ์ในเพจเฟซบุ๊กของตัวเอง เรื่องหนี้สินของลุงพล-ป้าแต๋น ก็มีหลักฐานซึ่งทั้งสองคนก็เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อไว้ก่อนที่จะดัง และตลอดการไลฟ์ก็ไม่ได้บอกว่า ลุงพลเป็นผู้ต้องหา แต่เขาเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ และอยากเตือนลุงพล-ป้าแต๋นว่า ควรทำมาหากินเองได้แล้ว เพราะถ้าไม่มีชื่อเสียงก็อยู่ได้ไม่นาน ตอนนี้ถ้ามีโอกาสเก็บเงินเก็บทองก็รีบเก็บ อย่ามาสู้คดีกันในชั้นศาลดีกว่า เพราะคดีความเมื่อขึ้นศาลแล้วไม่ใช่สู้กันวันสองวัน และถ้าให้ตนเองไปขอโทษลุงพลแล้วลุงพลจะให้อภัย ตนเองคอนเฟิร์ม 100% ว่าจะไม่ขอโทษแน่นอน เพราะไม่ได้ทำอะไรผิดการพูดทุกอย่างมีหลักฐานแน่นอน .- สำนักข่าวไทย