กาญจนบุรี 13 ส.ค.- ผอ.รพ.พหลพลพยุหเสนา ขอโทษกรณีแพทย์ร่วมพิสูจน์เหตุวัยรุ่นชาย อายุ 20 ปี แน่นิ่งคล้ายเสียชีวิตในห้องน้ำบ้านพัก เตรียมส่งไปผ่าชันสูตร ระบุไม่ใช่ตายแล้วฟื้นตามที่หลายคนเข้าใจ คาดเป็นอาการหลับลึกจากร่างกายอ่อนเพลียหนัก ด้านเจ้าตัวยอมรับพักผ่อนน้อย ขณะหลับได้ยินแต่เสียงคนพูดอื้ออึง มาลืมตาขึ้นได้ตอนถูกยกตัวใส่ผ้าห่อศพ
กรณีนายรเมศ (สงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี เอนกายพิงผนังนั่งนิ่งไม่รู้สึกตัวบนโถชักโครกในห้องน้ำบ้านพัก ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี และญาติได้แจ้งตำรวจ สภ.เมือง มาตรวจสอบพร้อมแพทย์เวร เบื้องต้นไม่พบการเต้นของชีพจรและไม่พบร่องรอยบาดแผลต้องสงสัย จึงเป็นไปได้ว่าเสียชีวิตแล้ว และได้นำผ้ามาห่อร่างเตรียมส่งไปชันสูตรที่โรงพยาบาลเพื่อหาสาเหตุ ปรากฏว่าชายดังกล่าวได้ตื่นขึ้นลืมตา แพทย์จึงได้ตรวจร่างกายอีกครั้ง และอาการปลอดภัยดี
นพ.สมเจตน์ เหล่าลือเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา กล่าวว่า ชายดังกล่าวไม่ได้ตายแล้วฟื้นอย่างที่หลายฝ่ายเข้าใจ ซึ่งวันเกิดเหตุโรงพยาบาลได้รับการประสานจากตำรวจและกู้ภัยว่ามีผู้เสียชีวิตวัย 20 ปี อยู่ในห้องน้ำของบ้าน เมื่อเดินทางไปตรวจสอบได้พบกับญาติของนายรเมศ ซึ่งเคยทำงานเป็นผู้ช่วยพยาบาลอยู่ที่โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนามาก่อน และให้ข้อมูลกับแพทย์ที่ลงพื้นที่ว่าได้ตรวจชีพจรแล้ว แต่ไม่พบสัญญาณชีพ ประกอบกับแพทย์ที่ลงพื้นที่ตรวจสอบเป็นแพทย์จบใหม่ จึงไม่ได้ตรวจสอบรูม่านตาและตรวจสอบชีพจรอย่างละเอียด มีเพียงการถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานและตรวจวัดชีพจรเบื้องต้นเท่านั้น โดยระหว่างการเคลื่อนย้ายร่างเพื่อไปเก็บรักษาที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ ปรากฏว่านายรเมศได้ฟื้นคืนสติ
นพ.สมเจตน์ กล่าวด้วยว่า สาเหตุที่มีลักษณะคล้ายกับคนเสียชีวิตหรือหมดสติอยู่หลายชั่วโมงนั้น น่าจะมาจากอาการหลับลึก ซึ่งมีสาเหตุจากการร่างกายของไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ ประกอบกับนายรเมศ เคยมีประวัติการผ่าตัดบายพาสหัวใจ ทำให้ร่างกายไม่แข็งแรงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการหลับลึกได้ อย่างไรก็ตาม ทางโรงพยาบาลขอน้อมรับความผิดพลาดในการตรวจพิสูจน์ของแพทย์ครั้งนี้ และขอโทษที่ทำให้เข้าใจผิด จากนี้ได้เน้นย้ำแพทย์ผู้ปฏิบัติงานให้มีการตรวจสอบอย่างละเอียดกว่าเดิม เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดซ้ำ
ด้านนายรเมศ เล่าว่า หลังจากกวาดบ้านชั้นบนเสร็จแล้ว รู้สึกปวดท้องจึงเข้าห้องน้ำตามปกติ แต่ท้องผูก ทำให้นั่งอยู่นานเกือบครึ่งชั่วโมงจนเริ่มอ่อนเพลีย จึงเอนศีรษะไปพิงกับผนังห้องน้ำ จากนั้นก็หมดสติ มารู้สึกตัวได้ยินเสียงคนหลายคนพูดกัน ตอนนั้นลืมตาไม่ขึ้น ไม่สามารถพูดอะไรได้ รู้เพียงว่าร่างถูกพลิกไปมา และถูกยกตัวใส่ผ้าห่อ เป็นจังหวะที่ตาลืมขึ้นมาพอดี และเจ้าหน้าที่หันมาเห็น จึงรีบบอกแพทย์ตรวจชีพจรและพาส่งโรงพยาบาลจนอาการปลอดภัย
“ตอนที่หมดสติไปนั้นไม่ได้ฝันหรือเห็นสิ่งใด เป็นเหมือนคนที่หลับลึกเท่านั้น ที่ผ่านมา ไม่เคยมีอาการวูบเช่นนี้มาก่อน อาจจะมีอาการเหนื่อยล้าจนลืมตาไม่ขึ้นบ้างเป็นบางครั้ง แต่ครั้งนี้ถือเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงที่สุด”
แม่ของนายรเมศ กล่าวว่า ลูกชายป่วยโรคผนังกั้นหัวใจห้องบนรั่วแต่กำเนิด เคยผ่าตัดรักษาเมื่ออายุ 5 ขวบ สุขภาพร่างกายจึงไม่ค่อยแข็งแรง ประกอบกับก่อนเกิดเหตุลูกชายพักผ่อนน้อย ครั้งนี้ถือว่าลูกชายรอดมาได้จะรีบพาไปตรวจร่างกายให้ละเอียดอีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย