กรุงเทพฯ 26 ก.ค. – ประธานบอร์ด บขส.รับพับแผนย้ายสถานี บขส. แค่ลดขนาดพื้นที่เหลือ 58 ไร่ รอเชื่อมต่อระบบราง หลังสถานีกลางบางซื่อ-สายสีแดง ทยอยเปิดปี 64 พร้อมรับนโยบายคมนาคม ทำงานโปร่งใส-ดึงไอที พัฒนา ดูแลพนักงาน
นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทขนส่งจำกัด( บขส.) คนใหม่ เปิดเผยว่า สำหรับการกำกับนโยบาย บขส.ตามที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบนโยบายให้บอร์ด บขส.ขับเคลื่อนงานภารกิจหลักสำคัญ 3 เรื่อง ได้แก่ 1.การบริหารงานต้องยึดระเบียบกฎหมายมีความโปร่งใส ไม่ให้เป็นแหล่งแอบอ้างในการทำมาหากินต่าง ๆ สำหรับผู้ที่ไม่ปรารถนาดี 2.พัฒนาปรับปรุงระบบโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาดำเนินการ เพื่ออำนวยความสะดวกผู้โดยสาร และ 3.การดูแลพนักงานต้องให้ได้รับผลตอบแทนในอัตราที่มีความเหมาะสม เป็นธรรม เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ
ทั้งนี้ ประธานบอร์ด บขส.ยอมรับว่าสำหรับนโยบายเดิมที่มีแนวคิดจะย้ายสถานีขนส่งหมอชิต 2 ไปจุดอื่น ๆ เช่น หมอชิตเดิม หรือพื้นที่อื่น ๆ อาจจะต้องเปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากเห็นว่าการอยู่ในพื้นที่เดิมจะเกิดประโยชน์มากกว่า เนื่องจากปลายปี 2564 หรือต้นปี 2565 โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีกลางบางซื่อก็จะเปิดให้บริการ การที่บริการรถขนส่งโดยสารของ บขส.ยังอยู่ที่เดิมสามารถเชื่อมการเดินทางระหว่างรถโดยสารและระบบรางได้ โดยเห็นว่าพื้นที่สถานีขนส่งหมอชิต 2 สามารถพัฒนาเป็นศูนย์กลางระบบรถโดยสารสาธารณะหรือ Bus Transportation Hub ได้
โดยหลังจากนี้คณะกรรมการฯ และฝ่ายบริหาร บขส.จะเจรจากับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เพื่อขอใช้พื้นที่ต่อ เบื้องต้นจะมีการลดพื้นที่จากปัจจุบัน 73 ไร่ เหลือ 58 ไร่ โดยจะตัดพื้นที่ที่เคยเป็นจุดให้บริการรถร่วมบริการที่ขณะนี้สามารถดูแลมีพื้นที่จอดรถของตนเองได้ออกไป โดยแนวทางการเจรจากับ รฟท.นั้น เชื่อว่าทาง รฟท.ก็จะได้ประโยชน์ โดยสามารถเจรจาค่าเช่าที่เป็นราคาปัจจุบัน จากสัญญาเดิมใช้อัตราเก่าและไม่มีสัญญาอย่างเป็นทางการไว้ โดยคาดว่าเร็ว ๆ นี้จะเริ่มการเจรจาระหว่าง บขส.และ รฟท.
“ตรงจุดที่เป็นย่านพหลฯ ในอนาคตเมื่อมีการบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงาน ทั้ง บขส. การรถไฟฯ รวมถึง ขสมก.ที่มีพื้นที่อยู่ด้านข้าง และมีแผนที่จะใช้พื้นที่ดังกล่าวเป็นสถานีชาร์จไฟฟ้าของรถเมล์รุ่นใหม่ที่เป็นรถพลังงานไฟฟ้า EV โดย บขส.จะขอให้ ขสมก.จัดรถวิ่งวนหมุนเวียนอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสารที่จะเดินทางเชื่อมต่อระหว่างระบบราง จากสถานีกลางบางซื่อมาที่สถานีขนส่งหมอชิต 2 ความร่วมมือระหว่าง 3 หน่วยงานนี้ เชื่อว่าประชาชนผู้ใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะจะได้ประโยชน์สูงสุด” นายสรพงศ์ กล่าว
นอกจากนี้ ยังมีนโยบายเร่งด่วนที่กระทรวงคมนาคมมอบหมายให้บอร์ด บขส.ชุดใหม่ดำเนินการ จากปัจจุบันที่ยังขาดตำแหน่งผู้บริหาร 3 ตำแหน่ง คือ 1.กรรมการผู้จัดการใหญ่ 2.รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ 3.ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดังนั้น ต้องเร่งสรรหาบุคคลที่ดี มีฝีมือ มีความสามารถเข้ามาทำงาน
ทั้งนี้ ปัจจุบัน บขส.มีรถทั้งหมด 472 คัน แบ่งเป็นรถที่มีอายุการใช้งาน 28 ปี จำนวน 341 คัน และรถที่มีการใช้งานเฉลี่ย 8-10 ปี อีก 131 คัน ต้องดูแลความคุ้มค่าการซ่อมบำรุงให้เหมาะสม และถ้ามีการลงทุนต้องทำให้เกิดความสมดุลสอดคล้องกับรายรับรายจ่าย
สำหรับการจัดหารถโดยสารใหม่รูปแบบการเช่าพร้อมซ่อมบำรุงทั้งหมด เพื่อไม่เป็นภาระองค์กร อาทิ โครงการจัดเช่ารถโดยสาร 314 คัน โครงการจัดเช่ารถโดยสารขนาดเล็ก (มินิบัส) 21 ที่นั่ง 55 คัน และโครงการจัดเช่ารถโดยสาร 26 คัน ปัจจุบันบรรทุกผู้โดยสารต่อคัน 65-70% อนาคตถ้ามีผู้โดยสารใช้บริการต่อ 1 คันมากขึ้นกว่า 65-70% จะทำกำไรให้องค์กรมากขึ้น โดยไม่เป็นภาระกับผู้โดยสารและประเทศ
ส่วนระยะยาวต้องปรับปรุงโครงสร้างองค์กรทั้งระบบ เนื่องจากปัจจุบัน บขส.มีพนักงาน 3,000 คน ดังนั้น ต้องนำระบบไอทีเข้ามาบริหารจัดการ ซึ่งแนวทางทั้งหมดนี้เชื่อว่าจะทำให้ บขส.กลับมามีผลประกอบการที่เข้มแข็งในอนาคต.-สำนักข่าวไทย