นนทบุรี 29 มิ.ย. – ตำรวจเร่งตามตัวมือดีวางยานักวิ่ง สวนสาธารณะศาลากลางจังหวัดนนทบุรี ส่งสายตรวจลงพื้นที่เฝ้าระวังจุดล่อแหลม ด้านเทศบาลนครนนทบุรีเร่งติดตั้งกล้องวรจปิดเพิ่ม 82 ตัว และติดป้ายแจ้งเตือนผู้ใช้บริการ
หลังผลตรวจของนักวิชาการท่านหนึ่งยืนยันว่า น้ำดื่มในขวดที่มีรูลักษณะคล้ายโดนเข็มเจาะ ของนายวิโรจน์ ไศละบาท ที่ดื่มหลังออกกำลังกายในสวนสาธารณะศาลากลางจังหวัดนนทบุรี มีสารไซลาซีน ซึ่งเป็นยาสลบที่ใช้กับสัตว์ปะปนอยู่ในน้ำดื่มจริง โดยโพสต์เรื่องราวบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่ามีอาการลิ้นแข็ง ตาค้าง จนถูกหามส่งโรงพยาบาล เหตุเกิด 19 มิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนจะเข้าแจ้งความที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ หลังจากนั้นยังมีผู้เสียหายเพิ่มอีกรายเป็นชายอายุ 41 ปี ระบุว่าโดนกระทำคล้ายลักษณะเดียวกัน
ทีมข่าวลงพื้นที่สวนสาธารณะ จุดเกิดเหตุที่นายวิโรจน์ มาวิ่งออกกำลังกายแล้ววางน้ำดื่มไว้ที่ม้านั่ง บริเวณดังกล่าวเป็นลานกิจกรรม พื้นที่โล่ง มีไฟส่องสว่าง ห่างจากป้อม ยาม 50 เมตรเท่านั้น วันนี้ยังมีประชาชนมาออกกำลังกายตามปกติ อย่างนักวิ่งคนนี้บอกว่า มาออกกำลังกายที่นี่ 7-8 ปี ไม่เคยปรากฏเหตุการณ์ลักษณะนี้มาก่อน หลังทราบข่าวก็ตกใจ แต่ตนไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากเป็นคนระมัดระวังตัวอยู่แล้ว จะพกขวดน้ำไว้กับตัวเสมอ
เช่นเดียวกับนักวิ่งรายนี้ บอกว่า มาออกกำลังกายตามปกติ มักจะมาช่วงสาย เพราะตอนเย็นคนเยอะ หลังทราบข่าวไม่ได้รู้สึกกลัว เพราะจะนำขวดน้ำดื่มมาเองทุกครั้ง
ขณะที่แม่ค้าขายน้ำเล่าว่า ขายน้ำที่นี่มานาน ส่วนใหญ่ลูกค้าที่มาซื้อจะเป็นลูกค้าประจำ หลังจากนี้จะคอยเตือนลูกค้าให้เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น
ด้านนักวิชาการสวนสาธารณะ สำนักงานเทศบาลนครนนทบุรี เปิดเผยกับทีมข่าวว่า สวนสาธารณะแห่งนี้เป็นสวนเปิด จะเปิดตั้งแต่เวลา 04.00-20.30 น. ทุกวัน ช่วงเย็นจะมีผู้มาใช้บริการจำนวนมาก หลังเกิดเหตุเทศบาลนครนนทบุรี เพิ่มมาตรการคุมเข้มมากขึ้น โดยจะติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่ม 82 ตัว จัดเวรยามมาตรวจทุกชั่วโมง เพื่อความปลอดภัยของผู้มาใช้บริการ พร้อมขอความร่วมมือผู้มาใช้บริการ ไม่ควรวางขวดน้ำไว้ เพื่อความปลอดภัย
ส่วนความคืบหน้าทางคดี ตำรวจ สภ.รัตนาธิเบศร์ อยู่ระหว่างรอผลการยืนยันจากตัวอย่างน้ำดื่มที่ส่งไปตรวจว่ามีสารแปลกปลอมไซลาซีนปนเปื้อนอยู่หรือไม่ คาดรู้ผลภายในสัปดาห์นี้ ส่วนประเด็นการก่อเหตุยังให้น้ำหนักไปที่คนร้ายประสงค์ต่อทรัพย์สิน ซึ่งได้สั่งการให้ยกระดับการป้องกันเหตุแล้ว โดยตั้งสายตรวจทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบเฝ้าระวังจุดล่อแหลม เพื่อเร่งตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป. – สำนักข่าวไทย