กรุงเทพ ฯ 22 มิ.ย.-หุ้นกลุ่มแบงก์ร่วงตามคาด 5-7% หลังธนาคารแห่งประเทศไทยออกมาตรการห้ามแบงก์พาณิชย์จ่ายปันผลระหว่างกาล รวมถึงงดโครงการซื้อหุ้นคืน โบรกเกอร์แนะชะลอการลงทุนรอให้กองทุนปรับพอร์ตเสร็จสิ้นก่อน
หุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ปรับตัวลดลงประมาณ 5-7 % นำโดยหุ้นธนาคารกรุงเทพ (BBL) ราคาอยู่ที่ 107.50 บาท ลดลง 8 บาท หรือ 7% ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ราคาอยู่ที่ 72.75 บาท ลดลง 4.50 บาท หรือ 5.83% ธนาคารทหารไทย (TMB) ราคาอยู่ที่ 1.04 บาท ลดลง 0.06 บาท หรือ 6.36% หลังธนาคารแห่งประเทศไทยออกมาตรการห้ามแบงก์พาณิชย์จ่ายปันผลระหว่างกาล รวมถึงงดโครงการซื้อหุ้นคืน เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์รักษาระดับเงินกองทุนให้เข้มแข็ง
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นักลงทุนสถาบัน กองทุน จะมีการปรับพอร์ตการลงทุนย้ายจากกลุ่มแบงก์ไปกลุ่มพลังงาน และ กลุ่มที่ให้เงินปันผลสูง ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มแบงก์มีการปันผลประมาณ 5 % และ ปันผลระหว่างกาล 1-2% สำหรับนักลงทุนรายย่อย อาจต้องลดน้ำหนักหุ้นกลุ่มแบงก์บางส่วน และ ให้ชะลอการลงทุนรอให้กองทุนปรับพอร์ตเสร็จสิ้นก่อน
ด้าน บล.กสิกรไทย มองว่าการที่ธปท. ขอให้ธนาคารพาณิชย์งดจ่ายปันผลระหว่างกาล และซื้อหุ้นคืนมองเป็นผลเชิงลบต่อกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ในเชิงแนวโน้มการตั้งสำรอง และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ( NPL ) ในอนาคตหากเศรษฐกิจไม่ฟื้นตัวแบบ V-shape ประเมิน KKP และ TMB กระทบมากสุดในกลุ่มเพราะจ่ายปันผลระหว่างกาลมาก ส่วน KTB และ TISCO คาดไม่กระทบเพราะไม่จ่ายปันผลระหว่างกาล
นอกจากนี้ยังมี คำสั่ง ธปท. ให้ปรับลดเพดานดอกเบี้ยเป็นการทั่วไป 2-4% สำหรับบัตรเครดิต และสินเชื่อบุคคลเป็นการทั่วไปเริ่ม 1 ส.ค. มองแย่กว่าคาดก่อนหน้า และคาดกระทบกำไรปี 2020/21 ของ KTC ในสัดส่วน 5% และ 11% และ AEONTS 9% และ 14% ตามลำดับ ส่วน MTC มองกระทบจำกัด เพราะคิดดอกเบี้ยไม่เกินเพดานใหม่ที่ 24% ด้วยสัญญาณ NPL ที่ปรับตัวสูงขึ้นจะเร่งให้ธนาคารพาณิชย์ต้องขาย NPL ออกมากขึ้นทำให้เป็นโอกาสที่กลุ่มบริหารหนี้จะซื้อหนี้ได้มากในช่วง 2H20 หนุนการเติบโตของพอร์ท เป็นบวกกับ BAM, JMT, และ CHAYO.-สำนักข่าวไทย