กรุงเทพฯ 20 พ.ค. – ผลจากการล็อกดาวน์ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ฉุดการบริโภคในประเทศลดลง กระทบดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม เม.ย.63 ปรับตัวลดลงต่ำสุดในรอบ 11 ปี นับตั้งแต่ปี 52
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนเมษายน 2563 ว่า ดัชนีอยู่ที่ระดับ 75.9 ปรับตัวลดลงจากระดับ 88.0 ในเดือนมีนาคม 2563 ต่ำสุดในรอบ 11 ปี นับตั้งแต่เดือนเมษายน 2552 โดยเป็นการปรับตัวลดลงทุกขนาดของอุตสาหกรรมทั้งขนาดย่อม ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ โดยมีสาเหตุจากความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 มาตรการล็อกดาวน์ เพื่อควบคุมโรคระบาดของภาครัฐ ส่งผลให้การใช้จ่ายและการบริโภคลดลงโดยเฉพาะสินค้าคงทน ขณะที่ผู้ประกอบการบางรายชะลอการผลิต การลงทุน และลดการจ้างงาน อีกทั้งยังประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง เนื่องจากขาดเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) นอกจากนี้ ปัญหาภัยแล้งที่มีความรุนแรงส่งผลกระทบต่อรายได้และกำลังซื้อภาคเกษตร
สำหรับดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 88.8 โดยลดลงจาก 96.0 ในเดือนมีนาคม 2563 โดยค่าดัชนีฯ ต่ำที่สุดตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2552 เนื่องจากผู้ประกอบการมีความกังวลต่อการประกอบกิจการในอนาคตที่มีความไม่แน่นอนสูง จากปัญหาเศรษฐกิจโลกและเศรฐกิจในประเทศชะลอตัวลงภายหลังจากการระบาดของโควิด-19 ที่มีความรุนแรงขึ้นและขยายวงกว้างไปทั่วโลก และยังไม่แน่ชัดว่าวิกฤติโควิด-19 จะสิ้นสุดเมื่อใด
ทั้งนี้ ส.อ.ท.มีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ ได้แก่ ขอให้พิจารณาคืนเงินประกันไฟฟ้าให้กับธุรกิจ SMEs ที่ใช้มิเตอร์ขนาดไม่เกิน 50 แอมป์ เพื่อนำมาใช้หมุนเวียนในกิจการช่วงวิกฤติโควิด-19 และขอให้กรมสรรพากรยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลแก่ SMEs เป็นเวลา 3 ปี ทุกธุรกิจ ในช่วงปีภาษี 2563-2565.-สำนักข่าวไทย