บุรีรัมย์ 25 เม.ย.- หนุ่มเวรเปล รพ.เอกชนบุรีรัมย์ ท้าสาบานหน้าศาลหลักเมือง ยันไม่ได้กดเอาเงินป้าป่วยโรคไต พ้อหวังดีช่วยเหลือผู้ป่วยแต่กลับถูกกล่าวหาเสียหาย ยอมรับเครียดกระทบสภาพจิตใจ วอนสังคมอย่าด่วนพิพากษา รอภาพวงจรปิดพิสูจน์ความจริง
ความคืบหน้ากรณี น.ส.สุนันท์ หะพินรัมย์ อายุ 54 ปี ชาว ต.ศรีภูมิ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ แจ้งความตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์ว่า เจ้าหน้าที่เวรเปลโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งแอบกดเงินที่ลูกสาวส่งมาให้ 5,000 บาท เมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา ขณะไปฟอกไตที่โรงพยาบาลดังกล่าว เนื่องจากตัวเองเดินไม่ได้ ต้องนั่งรถเข็นคนพิการ ส่วนสามีก็ทำไม่เป็น จึงวานให้เจ้าหน้าที่เปลของโรงพยาบาลช่วยไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มหน้าโรงพยาบาล แต่เจ้าหน้าที่กลับมาบอกว่าเงินในบัญชีมีแค่ 1,000 บาท ทั้งที่ลูกสาวยืนยันว่าโอนมาให้ 5,800 บาท บวกกับเงินที่เหลือในบัญชีอีก 287 บาท ก็น่าจะมีเงินในบัญชี 6,087 บาท จึงอยากให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง หากแอบถอนไปจริงก็ขอให้นำมาคืน
ล่าสุด พนักงานเปลคนที่ถูกกล่าวหา ซึ่งยังมาทำงานตามปกติ ท้าสาบานหน้าศาลหลักเมือง หรืออนุสาวรีย์รัชกาลที่ 1 สิ่งศักดิ์ประจำจังหวัด เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ พร้อมเล่าว่า วันเกิดเหตุ น.ส.สุนันท์ ได้วานให้ไปช่วยกดเงินให้ 5,000 บาทจริง โดยเมื่อกดถอน 5,000 บาท ตู้บอกเงินไม่พอ จึงย้ายไปกดตู้เอทีเอ็มที่อยู่ติดกัน พบว่ามียอดเงินอยู่ 1,097 บาท จึงเดินกลับมาถาม ก่อนกลับไปกดให้ตาอีก 1,000 บาท ถูกหักค่าบริการถอดต่างธนาคาร 10 บาท ก็จะเหลือยอดเงินในบัญชี 87 บาท ส่วนยอดเงิน 5,000 ที่ถูกกล่าวหานั้น ยืนยันไม่ได้เอาไป ตามที่ถูกกล่าวหา ยอมรับว่าเสียใจที่ตั้งใจทำงาน และช่วยเหลืออำนวยความสะดวกให้ผู้ป่วย แต่กลับต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ หลังมีข่าวออกไปตนกลายเป็นจำเลยของสังคมไปแล้ว อยากวิงวอนสังคมอย่าพึ่งด่วนตัดสินหรือพิพากษาตนเองว่าเป็นคนผิด ทั้งที่ยังไม่มีหลักฐานชัดเจน.-สำนักข่าวไท