กลุ่ม ปตท.ทบทวนแผนฯ ชะลอปิโตรฯ สหรัฐ ลดงบฯ OPEX หลายพันล้านบาท

กรุงเทพฯ 22 เม.ย. – กลุ่มโรงกลั่นฯ ขาดทุนสตอกไตรมาส 1/63 หลายหมื่นล้านบาท แนะรัฐแก้กฎหมายปรับสำรองน้ำมันดิบให้เหมาะสม  ด้านกลุ่ม ปตท.ลดกำลังกลั่นร้อยละ 15-20 ทบทวนแผนลงทุนอนาคต ชะลอโครงการปิโตรฯ สหรัฐของจีซี พร้อมเสนอบอร์ด 30 เม.ย.ลดงบดำเนินการหลายพันล้านบาท   


นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. กล่าวว่า กลุ่ม ปตท.ได้รับผลกระทบกระทบจากการใช้พลังงานและปิโตรเลียมที่ปรับลดลง โดยเฉพาะราคาน้ำมัน ส่งผลให้ขาดทุนสตอกน้ำมันในไตรมาสที่ 1/2563 ปริมาณสูง และจากการประเมินว่าผลกระทบจากโควิด-19 มีผลที่ยาวนานทั่วโลก ซึ่งไตรมาส 1 และ 2 ปีนี้ ได้รับผลกระทบทั้งหมด ส่วนไตรมาส 3-4 คาดว่าน่าจะดีขึ้น เพราะหลายประเทศเริ่มคลายเรื่องล็อกดาวน์ จึงประเมินว่าราคาน้ำมันเฉลี่ยปีนี้จะอยู่ที่ 30-40 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล และจะเห็นได้ว่าโรงกลั่นฯ ทั่วโลกลดกำลังกลั่นในไทยก็ลดลงเช่นกัน โดยโรงกลั่นในกลุ่ม ปตท.จะลดลงประมาณร้อยละ 15-20    

นอกจากนี้ ทางกลุ่ม ปตท.ได้ทำแผนลดต้นทุนที่ไม่จำเป็น โดยปรับแผนฯ การลงทุนติดตามทุกเดือน ล่าสุด เตรียมเสนอคณะกรรมการ ปตท.วันที่ 30 เมษายน ซึ่งจะมีการลดงบประมาณค่าใช้จ่ายดำเนินการ (OPEX ) ที่ไม่จำเป็นเป็นหลักพันล้านบาท แต่จะเป็นวงเงิน 7,000 ล้านบาท หรือไม่ ก็ต้องรอที่ประชุมฯ ว่าจะเห็นชอบอย่างไร รวมทั้งชะลอโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของบริษัทในเครือ 


“นโยบายขณะนี้ต้องกอดเงินสดเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด งบที่ไม่จำเป็นต้องพยายามลด และโครงการลงทุนในอนาคต ก็ต้องทบทวนตามดีมานด์-ซัพพลายด์ที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น โครงการ MARS หรือโครงการอะโรเมติกส์ของ บมจ.ไออาร์พีซี โครงการลงทุนปิโตรเคมีในสหรัฐของ บมจ.พีทีทีโกลบอลเคมิคอล (จีซี ) เป็นต้น”นายชาญศิลป์ กล่าว

 ส่วนโครงการร่วมทุนในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)  นายชาญศิลป์ กล่าวว่า  กลุ่ม ปตท.ได้ร่วมทุน 2 โครงการเป็นการร่วมมือกับ บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หรือ กัลฟ์  โดยในส่วนของโครงการพัฒนาท่าเรือมาบตาพุด ระยะที่ 3  ขณะนี้เดินหน้าตามแผนอยู่ระหว่างลงทุนถมทะเล ส่วนโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระบะที่ 3 ยังไม่ได้ลงนามกับภาครัฐ ซึ่งกรณีภาครัฐจะเจรจาเพื่อเพิ่มผลตอบแทนนั้น ทาง ปตท.-กัลฟ์ ก็ต้องหารือกันว่าจะเสนออย่างไร โดยต้องยอมรับว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์โควิด-19 สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป ประกอบกับการลงนามสัญญาล่าช้ากว่าแผน ดังนั้น ก็อาจจะเจรจาเลื่อนระยะเวลาการเริ่มและขยายเวลาการลงทุนออกไปตามสถานการณ์ ซึ่งคาดว่าการเจรจาจะได้ข้อสรุปปีนี้

ด้านรายงานข่าวจากกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันในประเทศไทย ระบุว่าไตรมาส 1 ปีนี้โรงกลั่นต่าง ๆ ของไทยจะขาดทุนสตอกหลายหมื่นล้านบาท และจากความต้องการน้ำมันลดลงมากทุกภาคส่วน โรงกลั่นฯ ทั่วโลกลดกำลังกลั่นฯ โดยในแถบเอเชียที่มีการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปเป็นหลัก เช่น สิงคโปร์ เกาหลีใต้ อินเดีย ได้ปรับลดกำลังการกลั่นลงประมาณร้อยละ 10-30 เช่นเดียวกับโรงกลั่นฯ ในประเทศไทยเอง ก็ทยอยลดกำลังการกลั่นลงตั้งแต่มีนาคม-เมษายนแล้ว โดยเดือนมีนาคมจะปรับลดกำลังการกลั่นไม่ได้มาก เนื่องจากต้องบริหารจัดการน้ำมันดิบที่สั่งซื้อล่วงหน้าเข้ามาแล้ว ส่วนในอนาคตจะทยอยปรับลดกำลังการกลั่นลงอีกหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้น้ำมันว่าจะกลับมาได้เร็วเพียงใด


 “ไตรมาส 1 ปีนี้ คาดว่าโรงกลั่นฯ ในประเทศทั้ง 6 แห่ง จะเผชิญปัญหาขาดทุนสตอกน้ำมันที่เก็บไว้ (stock loss) รวมกันหลายหมื่นล้านบาท เพราะราคาน้ำมันดิบสิ้นไตรมาส 1 ปรับลดลงประมาณ 30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากช่วงปลายปีที่แล้ว ส่วนไตรมาส 2 คาดว่าความเสี่ยงจากการขาดทุนทางสตอกจะลดน้อยลง เพราะการปรับลดลงของราคาน้ำมัน น่าจะใกล้ถึงจุดต่ำสุดแล้ว ด้านค่าการกลั่นประเมินว่าในช่วงไตรมาส 2 จะดีขึ้นจากไตรมาส 1 และมีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลังของปีตามสถานการณ์คลี่คลายของโควิด-19  อย่างไรก็ตาม ความต้องการใช้อาจไม่ได้กลับมารวดเร็วมากนักอาจใช้เวลาจนถึงสิ้นปีนี้ หรือต้นปีหน้า กว่าที่กิจกรรมต่าง ๆ จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ ซึ่งวิกฤติครั้งนี้ถือว่าร้ายแรงสุดกว่าทุกวิกฤติที่เคยเกิดขึ้นในอดีต และโลกไม่ได้เผชิญกับวิกฤติที่รุนแรงแบบนี้มากว่า 30 ปีแล้ว” แหล่งข่าว ระบุ

แหล่งข่าว กล่าวอีกว่า ส่วนการที่ภาครัฐมีมาตรการผ่อนปรนการจัดเก็บสำรองน้ำมันดิบตามกฎหมายจากร้อยละ 6 เหลือร้อยละ 4 ในช่วง 1 ปีนั้น สามารถแบ่งเบาภาระต้นทุนให้กับโรงกลั่นฯ ในประเทศได้ระดับหนึ่ง โดยเฉพาะเงินทุนหมุนเวียนและภาระดอกเบี้ย ทั้งยังสามารถนำถังเก็บไปใช้ประโยชน์ในการจัดซื้อน้ำมันดิบที่เหมาะสมกับโรงกลั่นมาเก็บได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบขณะนี้ยังผันผวนตามกระแสข่าวต่าง ๆ ซึ่งต้องจับตาเป็นรายวัน และหากมองไปข้างหน้า ราคาน้ำมันที่ต่ำลงสะท้อนจากปริมาณการผลิตที่เกินความต้องการใช้อย่างมากทำให้การจัดหาน้ำมันดิบง่ายขึ้น

ทั้งนี้ เพื่อลดการขาดทุนสตอกน้ำมันของกลุ่มโรงกลั่น ซึ่งเผชิญมาตั้งแต่วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ปี 2551 ราคาน้ำมันตกต่ำจากปริมาณการผลิต Shale Oil ในปี 2557 ถึงเวลาหรือยังที่ประเทศไทยจะพิจารณาอัตราการสำรองน้ำมันดิบตามกฎหมายที่เหมาะสม เพื่อลดการขาดดุลของประเทศ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้นบ้านสามารถ

ดีเอสไอเข้าค้นบ้าน “สามารถ” คดีฟอกเงินดิไอคอน

ดีเอสไอเข้าค้นบ้าน “สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” คดีฟอกเงินดิไอคอน หลังพบเงิน “บอสดิไอคอน” โอนเข้าบัญชีแม่ของนายสามารถ

หมอบุญ

THG แจงบริษัทไม่เกี่ยวข้องคดีต่างๆ ที่เกิดจาก “หมอบุญ”

THG แจงตลาดหลักทรัพย์ฯ ปัจจุบัน “หมอบุญ” ไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารใน THG คดีฉ้อโกงใดๆ ที่เกิดขึ้น บริษัทไม่เกี่ยวข้อง

คะแนนไม่เป็นทางการ เลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ

ลุ้นผลคะแนนเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช นับเสร็จแล้วบางหน่วย ล่าสุด ณ เวลา 19.40 น. “วาริน ชิณวงศ์” เบอร์ 2 จากทีมนครเข้มแข็ง ชนะคู่แข่งขาดลอยในหลายหน่วย คะแนนทิ้งห่างแชมป์เก่า “กนกพร เดชเดโช” เบอร์ 1 จากพรรค ปชป.

“ทนายสายหยุด” จ่อถอนตัวคดีตั้ม หวั่นติดร่างแห

“ทนายสายหยุด” เตรียมถอนตัวเป็นทนายให้ “ตั้ม” เผยในมือมีแต่พยานเท็จ ปิดบังข้อเท็จจริง เสี่ยงเป็นผู้ร่วมกระทำผิด

ข่าวแนะนำ

หมอบุญ

THG แจงบริษัทไม่เกี่ยวข้องคดีต่างๆ ที่เกิดจาก “หมอบุญ”

THG แจงตลาดหลักทรัพย์ฯ ปัจจุบัน “หมอบุญ” ไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารใน THG คดีฉ้อโกงใดๆ ที่เกิดขึ้น บริษัทไม่เกี่ยวข้อง

ค้นบ้านสามารถ

ดีเอสไอเข้าค้นบ้าน “สามารถ” คดีฟอกเงินดิไอคอน

ดีเอสไอเข้าค้นบ้าน “สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” คดีฟอกเงินดิไอคอน หลังพบเงิน “บอสดิไอคอน” โอนเข้าบัญชีแม่ของนายสามารถ