มุกดาหาร 7 เม.ย.-ผู้ว่าฯพิษณุโลก ลั่นลูกใครไม่สำคัญแต่ถ้าทำผิดต้องเป็นไปตามกฎหมาย หลังลูกสาวถูกตำรวจมุกดาหารจับกุมข้อหาฝ่าฝืนเคอร์ฟิว ศาลสั่งจำคุก 3 เดือน ปรับ 5,000 โทษจำคุกรอลงอาญา 1 ปี
ตำรวจภูธรเมืองมุกดาหาร รายงานว่านับตั้งแต่มีการประกาศบังคับใช้มาตรการห้ามออกจากเคหสถาน ตั้งแต่ 22.00 น.-04.00 น. ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา ในส่วนของ สภ.เมืองมุกดาหาร มีการจับกุมแล้วรวม 22 ราย และเมื่อมีการจับกุมจะต้องส่งฟ้องศาล มีโทษปรับ และจำคุก บางรายยังไม่ได้ประกันตัว บางรายประกันตัวไปแล้ว
แต่ที่สร้างกระแสให้โลกออนไลน์ และสังคม วิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง คือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบริเวณสี่แยกเมืองใหม่ อ.เมือง จ.มุกดาหาร เวลาประมาณ 22.50 น. ตำรวจมุกดาหาร ได้จับกุมกลุ่มหญิง-ชาย รวม 8 คน อยู่ในอาการเมาสุรา ถูกจับกุมในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินการห้ามออกจากเคหสถานเวลาที่กฎหมายกำหนด ในจำนวนผู้ถูกจับกุมเป็นหญิง 2 ราย คือ น.ส.อภิญญา อายุ 19 ปี และ น.ส.เปรมประภา เอกภาพันธ์ อายุ 29 ปี ขับรถ BMW สีดำ มีอาการคล้ายเมาสุราต่อว่าตำรวจ โดยอ้างว่าตนเองเป็นลูกของผู้ว่าฯ พิษณุโลก เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 2 ราย ว่าฝ่าฝืนพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548
และภายหลังศาลจังหวัดมุกดาหารมีคำพิพากษาให้จำคุก 6 เดือน ปรับ 10,000 บาท จำเลย ในคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่เนื่องจากจำเลยทั้งหมดไม่เคยกระทำความผิดมาก่อนจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้ 3 เดือน ปรับ 5,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 1 ปี
กระทั่งโลกออนไลน์สืบทราบจนได้ว่าหญิงสาวคนดังกล่าวเป็นลูกของผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ล่าสุดเมื่อวันนี้ นายพิพัฒน์ เอกภาพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุ
“ลูกของใครไม่สำคัญ ลูกชาวบ้าน ลูกกำนัน #ลูกผู้ว่า ถ้าผิดกฎเคอร์ฟิว #ให้ลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมอย่างถึงที่สุดไม่มีข้อยกเว้นครับ #กฎหมายต้องเป็นกฎหมายไม่มีข้อยกเว้นสำหรับใครครับ”
หลังโพสต์ดังกล่าวมีการแชร์ต่อบนโลกออนไลน์อย่างกว้างขวาง ชาวเน็ตเข้ามาโพสต์แสดงความเห็นใจและให้กำลังใจ พร้อมกับชื่นชมผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ที่เป็นคนตรงไปตรงมา.-สำนักข่าวไทย