บิ๊กอู๊ด ขอบคุณ 158 คนไทย รายงานตัวครบ ย้ำทุกหน่วยห้ามหลุดรายชื่อ

กรุงเทพฯ 7 เม.ย.-“พ.ต.อ.เชิงรณ” ขอบคุณคนไทย 158 คนรายงานตัวครบ ย้ำทุกหน่วยห้ามหลุดรายชื่อ หากพบดำเนินการทางวินัยและกฏหมายโดยเด็ดขาด 


พ.ต.อ.เชิงรณ ริมผดี รองโฆษก สตม.เปิดเผย กรณีการติดตามคนไทยจำนวน 158 คน ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศแต่ไม่ได้เข้าสู่การพักดูอาการที่ State Quarantine ตามที่ทางราชการจัดให้ และต่อมาทาง สบค.ได้แจ้งเตือนให้กลับมารายงานตัวภายในวันที่ 4 เม.ย.2563 ก่อน 18.00 น. โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.ได้แถลงเตือนว่า หากผู้ใดไม่มารายงานตัวตามกำหนดจะมีการติดตามตัวมาดำเนินการตามกฏหมายการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน และ จะแจ้งประกาศรายชื่อให้ทราบเพื่อช่วยติดตามตัว เพื่อป้องกันไม่ให้ กลุ่มคนไทยซึ่งอาจไม่แสดงอาการแต่เป็นพาหะ และบรรดาญาติ ครอบครัว มีความเสี่ยง ต่อการติดเชื้อ และแพร่ระบาดขยายวงกว้าง นั้น 

ผลพบว่า คนไทยกลุ่มดังกล่าวได้เดินทางกลับมารายงานตัวที่ ศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน หรือ EOC ที่สนามบินสุวรรณภูมิ และ ศูนย์ดำรงธรรม ครบตามกำหนดทุกคน และได้เข้าสู่การพักดูอาการตามกระบวนการทางการแพทย์ ใน State Quarantine เป็นที่เรียบร้อย


ซึ่งทาง พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.ขอแสดงความขอบคุณในการเข้ารายงานตัวดังกล่าว ถือว่าเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมเป็นอย่างยิ่ง โดยย้ำว่า การเร่งระดมติดตามตัวของทางราชการ ไม่ได้หมายความว่า ท่านเป็นอาชญากรแต่อย่างใด แต่เป็นความห่วงใยต่อความปลอดภัยต่อกลุ่มคนไทยและบุคคลใกล้ชิดรวมถึงประชาชนโดยภาพรวม ซึ่งอาจมีบางคนที่ไม่ให้ความร่วมมือบ้าง ด้วยเหตุผลส่วนตัว แต่ในภาวะสถานการณ์เช่นนี้ ทุกคนต้องเน้นสังคมส่วนรวมเป็นสำคัญ 

อย่างไรก็ดี ได้รับรายงานว่ามีการนำข้อมูลชื่อ ที่อยู่ กลุ่มบุคคลดังกล่าวออกเผยแพร่ ส่งต่อกันหลายช่องทาง คาดว่า เป็นผลสืบเนื่องจากการประสานข้อมูลระหว่างหน่วยงานหลายภาคส่วนทั่วประเทศ เพื่อช่วยเร่งติดตามตัวกลุ่มบุคคลดังกล่าว ซึ่งเป็นการดำเนินการกันก่อนที่จะครบกำหนดขีดเส้นตาย 

ผบช.สตม จึงได้ประชุมกำชับหน่วยงานในสังกัด และ เตือนหน่วยงานต่างๆ ห้ามส่งต่อข้อมูลชื่อ ที่อยู่ ของกลุ่มคนไทยดังกล่าวโดยเด็ดขาด เนื่องจากภารกิจได้เสร็จสิ้นแล้ว โดยเฉพาะการหลุดรั่วทางระบบโซเชียล จากบุคคลภายนอกเนื่องจากข้อมูลดังกล่าวเป็นความลับของทางราชการ หาก พบข้อบกพร่อง จะดำเนินการทางวินัยและกฏหมายโดยเด็ดขาด.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Joe Biden and Kamala Harris on stage

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่ “แฮร์ริส” พ่ายแพ้

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่นางคอมมาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ให้แก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน

“ทรัมป์” คว้าชัยเด็ดขาด ครองตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย

โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน คว้าชัยชนะเด็ดขาดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เหนือคู่แข่งอย่าง คอมมาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต นับเป็นการกลับมาครองตำแหน่งผู้นำสหรัฐอีกครั้ง หลังต้องออกจากทำเนียบขาวไปเมื่อ 4 ปีก่อน

พบศพไวยาวัจกรวัดดังระยองถูกยิงดับพร้อมหญิงสาวในบ้านพัก

พบศพไวยาวัจกรวัดดัง จ.ระยอง ถูกยิงเสียชีวิตในบ้านพัก พร้อมหญิงสาวหน้าตาดี คาดเสียชีวิตมาแล้ว 3 วัน ตำรวจเร่งหาสาเหตุ

พบเด็กหญิงฝาแฝดวัย 9 ขวบ ดวงตาสีฟ้า

พบเด็กหญิงฝาแฝดชาวนครพนม วัย 9 ขวบ มีดวงตาสีฟ้าสดใส ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้ยาก อาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงเดี่ยว แม่เผยลูกมีปัญหาทางการได้ยิน ใช้ชีวิตลำบาก ถูกบลูลี่ แต่ไม่ขอเปิดรับบริจาค เพราะเคยถูกมิจฉาชีพแอบอ้าง

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยไทยตอนบนอากาศเย็น-อีสานอุณหภูมิลดลงอีกเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีอากาศเย็นในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลงอีกเล็กน้อยในภาคอีสาน ส่วนภาคเหนือตอนบน ภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง

ศึกชิงทำเนียบขาว 2024 : ส่องทิศทางแห่งอำนาจ “รัฐบาลทรัมป์ 2.0”

รายงานพิเศษวันนี้ไปติดตามสิ่งที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัญญาหาเสียงเอาไว้ ที่จะทำให้พอเห็นทิศทางการครองอำนาจของเขา โดยมีหลายอย่างที่จะสร้างความสั่นสะเทือนอย่างมาก

พาชมเรือใบอิตาลีจอดเทียบท่าภูเก็ต

เมื่อ 2 วันก่อน สำนักข่าวไทยเก็บภาพของเรืออเมริโกเวส ปุชชี่ ขณะกำลังจะเข้าจอดเทียบท่าที่จังหวัดภูเก็ตให้ได้ชมไปแล้ว วันนี้คุณเพลินพิศ ชูเสน จะพาไปทำความรู้จักเรือลำนี้ให้มากขึ้นพร้อมกับพาไปเยี่ยมชมภายในตัวเรือ