“บุญทรง” รายงานตัวครั้งแรกหลังได้พักโทษ

บุญทรงรายงานตัว

เชียงใหม่ 4 ธ.ค. – “บุญทรง” รายงานตัวกับเจ้าหน้าที่คุมประพฤติครั้งแรก หลังได้รับการพักโทษจากคดีทุจริตจำนำข้าว ด้านลูกชายเผยพ่อตั้งใจบวชหลังพ้นโทษ


ภาพล่าสุดของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่เมื่อเช้าเข้ามารายงานตัวและรับทราบเงื่อนไขการคุมประพฤตินัดแรก ที่สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมกับนายเดชนัฐวิทย์ เตริยาภิรมย์ ลูกชาย ภายหลังนายบุญทรงได้รับการพักโทษ ถูกปล่อยตัวจากราชทัณฑ์ เมื่อวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา

นายบุญทรงสวมหน้ากากอนามัย แว่นตากันแดด ติดแผ่นรัดสะโพกสีดำ และใช้ไม้เท้าพยุงตัวขณะเดิน โดยมีการ์ดส่วนตัว 3 คน มาดูแลความปลอดภัย และคอยกันสื่อมวลชนไม่ให้เข้าใกล้นายบุญทรงมากเกินไป


ทั้งนี้ การรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่คุมประพฤติ ลูกชายเป็นผู้กรอกเอกสารให้ทั้งหมด และการเข้ารายงานตัวใช้เวลาประมาณ 20 นาที ก่อนที่นายบุญทรงและลูกชายจะเดินทางกลับ โดยออกไปด้านหลังสำนักงานคุมความประพฤติ

ลูกชายเตรียมพา “บุญทรง” ไปทำบัตรประชาชนใหม่
ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามนายบุญทรงว่า เชียงใหม่อากาศดีไหม นายบุญทรงไม่ได้ตอบคำถามสื่อ เพียงแต่พยักหน้า ขณะที่ลูกชายบอกว่าจะพาพ่อไปทำบัตรประชาชนใหม่ ก่อนกลับไปพักผ่อนที่บ้าน และวันนี้ไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ รวมถึงขอไม่ให้สื่อมวลชนติดตาม

ส่วนเงื่อนไขการคุมประพฤติของนายบุญทรง ลูกชายบอกว่าเจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่าต้องรายงานตัวตามนัดทุก 1 เดือน ตลอดเวลา 1 ปี ห้ามออกนอกเขต จ.เชียงใหม่ และหากต้องไปพบแพทย์จากอาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทที่กรุงเทพฯ ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ทราบล่วงหน้า 7 วัน และหลังพ้น 1 ปีไปแล้ว อาจพิจารณาเลื่อนการรายงานตัวเป็น 2 เดือนครั้ง


ลูกชายยังย้ำสภาพจิตใจของพ่อโดยรวมยังดี ดูมีความสุขขึ้น และยังไม่ขอให้ใครเข้าพบ ขอเวลาปรับตัวอีกระยะ ที่สำคัญพ่อเคยบอกว่าหากพ้นโทษอยากบวชเพื่อหาความสงบทางจิตใจ หลังอยู่ในเรือนจำมาเป็นเวลาหลายปี

สำหรับนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ถูกจำคุกในคดีร่วมกันทุจริตโครงการระบายข้าวเมื่อปี 2558 และถูกตัดสินจำคุก 48 ปี โดยจำคุกมาแล้ว 7 ปี และเพิ่งได้รับการพักโทษโดยมีเงื่อนไขต้องติดกำไลอีเอ็ม และคุมประพฤติอยู่ที่บ้านพักที่ จ.เชียงใหม่ อีก 3 ปี 5 เดือน .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

แจ้งข้อหาเพิ่ม “ทนายตั้ม” คดี 39 ล้านบาท รวม 7 ข้อหา

แจ้งข้อหาเพิ่ม “ทนายตั้ม” คดี 39 ล้านบาท รวม 7 ข้อหา จ่อแจ้งข้อหา “นุ-แซน” เพิ่มเติม และเชื่อว่ามีบุคคลอื่นที่ต้องถูกดำเนินคดีอีก ส่วน “ฟิล์ม รัฐภูมิ” ยังไม่ประสานเข้าพบหลังออกหมายเรียก

วิสามัญมือยิงประธานสภา อบต.โพนจาน ยิงสู้ จนท.

วิสามัญมือยิงประธานสภา อบต.โพนจาน จ.นครพนม หลังหนีข้ามมา จ.ขอนแก่น เจ้าหน้าที่ปิดล้อมเกลี้ยกล่อมให้วางอาวุธ แต่ไม่สำเร็จ คนร้ายยิงต่อสู้

ขู่ยื่นเอาผิด รมว.ดีอี ปล่อยโฆษณาหลอกหลวง ปชช.

รัฐสภา 3 ธ.ค. – กมธ.ไอซีที สว. ขู่ ยื่น ม.157 เอาผิด รมว.ดีอี ฉุนเกียร์ว่าง ปล่อยโฆษณาหลอกหลวง ประชาชน – ปล่อย “หมอบุญ” หนีลอยนวล จี้รัฐยกปราบหลอกลวงออนไลน์เป็นวาระแห่งชาติ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว. ฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม คนที่หก วุฒิสภา แถลงผลการประชุมกมธ. เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. ซึ่งตรวจสอบกรณีการโฆษณาผ่านสื่อสังคมออนไลน์ให้ลงทุนในสินทรัพย์ ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงอาทิ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กรณีของนพ.บุญ วนาสิน ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลธนบุรี ที่พบกรณีฉ้อโกงและฟอกเงิน เป็นมูลค่าสูงกว่า 7,500 ล้านบาท อย่างไรก็ดีในคดีดังกล่าวถูกแจ้งความดำเนินคดีที่ สน.ห้วยขวาง แล้วปี 2566 แต่ไม่มีการดำเนินการใดๆ จนกระทั่งนพ.บุญเดินทางออกไปนอกประเทศและไม่มีการอายัดทรัพย์ ทั้งนี้ในการหลอกหลวงผ่านโฆษณาชวนเชื่อนั้น ทำผ่านโบรกเกอร์ที่หลอกลงทุน ทั้งนี้เชื่อว่าจะเป็นนักลงทุนที่เคยลงทุนที่คุ้นเคยกับเครือโรงพยาบาลธนบุรี “จากการชี้แจงกรณี นพ.บุญของหน่วยงานที่ชี้แจง พบเป็นการโยนกลองกันไปมา ไม่มีหน่วยงานใดที่รับผิดชอบจริงจัง […]

ข่าวแนะนำ

ยูเนสโก ประกาศรับรอง ‘เคบายา’ มรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้

วธ.เผย ยูเนสโก ประกาศรับรอง ‘เคบายา’ มรดกวัฒนธรรมร่วม 5 ประเทศ บรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ และไทย ขึ้นทะเบียนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ประจำปี 2567

รัฐบาลจัดพิธีอัญเชิญพระเขี้ยวแก้ว อย่างยิ่งใหญ่

พระบรมสารีริกธาตุพระเขี้ยวแก้ว จากสาธารณรัฐประชาชนจีน อัญเชิญมาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวงแล้ววันนี้ พร้อมริ้วขบวนอัญเชิญอย่างยิ่งใหญ่ ก่อนเปิดให้ประชาชนสักการะ พรุ่งนี้ (5 ธ.ค.) วันแรก

เปิดนาทีระทึก! เรือบรรทุก ชนเรือนำเที่ยวกลางเจ้าพระยา

ระทึก เรือพ่วงบรรทุก เฉี่ยวชนเรือนำเที่ยว จอดเทียบริมตลิ่งแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้สะพานกรุงเทพฯ ทำให้เรือนำเที่ยวขนาดใหญ่เสียหาย 5 ลำ เรือเล็กจมอีก 1 ลำ