เคอร์ฟิววันแรกเมืองกรุงเงียบเหงา

กรุงเทพฯ-ภูมิภาค 4 เม.ย.- ผ่านไปแล้วเคอร์ฟิววันแรก 22.00-04.00 น. มีภาพบรรยากาศเมืองกรุงในคืนแรกของการห้ามออกนอกบ้าน โดยตั้งแต่เวลา 21.00 น.


พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง พร้อมด้วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมกันปล่อยแถวตำรวจ, สารวัตรทหาร และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง บริเวณซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา วงเวียนโอเดี้ยน เพื่อกวดขันการบังคับใช้กฎหมาย จากนั้นได้เดินทางไปเยี่ยมจุดตรวจร่วมที่บริเวณแยกวัดพุทธสยาม โดยเจ้าหน้าที่แบ่งสายตรวจเป็น 3 ส่วน คือ จุดตรวจคัดกรองระดับจังหวัด จุดตรวจเคลื่อนที่ 30 จุด และสายตรวจรถจักรยานยนต์ โดยบรรยากาศในเวลา 22.00 น.ยังคงมีประชาชนบางส่วน ที่กลับเข้าที่พักอาศัยไม่ทันเวลา เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจคัดกรองเบื้องต้นจากนั้นจึงทำประวัติ แล้วรีบเร่งให้ประชาชนกลับเข้าที่พักอาศัยอย่างเร่งด่วน

พล.อ.พรพิพัฒน์ กล่าวว่า ช่วงแรกจะเน้นการแจ้งเตือนก่อน ทั้งนี้ หากผู้ที่ออกจากบ้านในช่วงเวลาเคอร์ฟิว จะต้องถูกตรวจบัตรประชาชน และเอกสารยืนยันการประกอบอาชีพจากหน่วยงานที่ได้รับการยกเว้นให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ 


เคอร์ฟิววันแรกเงียบจนได้ยินเสียงตุ๊กแก

ผู้สื่อข่าวนครราชสีมารายงานว่า บรรยากาศหลังประกาศเคอร์ฟิวที่ จ.นครราชสีมา ถ.มิตรภาพ ผ่านใจกลางเมือง เงียบเหงาสนิท ถนนโล่ง ไม่มีรถวิ่งสัญจรทั้งขาเข้าและขาออก นานๆ จะรถบรรทุกสินค้า หรือรถยนต์ส่วนบุคคลวิ่งบนเส้นทาง ท่ามกลางแสงไฟส่องสว่างที่เปิดไว้ตามปกติ ร้านค้าสถานประกอบการ 2 ข้างทาง ปิดประตูเงียบสนิท มีตุ๊กแกส่งเสียงร้องดังลั่น บรรยากาศวังเวงผิดปกติ

ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านจุดตรวจ บริเวณหน้าโชว์รูมอีซูซุ คิงส์ยนต์ ก่อนถึงแยกราชสีมา ทั้งฝั่งขาเข้าและขาออก หลายจังหวะต้องยืนรอคอยเป็นเวลานานกว่าจะมีรถวิ่งเข้าจุดตรวจ ส่วนใหญ่เป็นรถบรรทุกสินค้า คนขับมีการแสดงเอกสารการขนส่งสินค้าถูกต้อง และนาน ๆ จะมีรถยนต์ส่วนบุคคล คนขับอ้างว่าเพิ่งเลิกงาน กำลังกลับบ้าน ภาพรวมเจ้าหน้าที่ใช้มาตรการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ แจ้งเตือนให้รับทราบสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งส่วนใหญ่รับรู้และเข้าใจเป็นอย่างดี แต่หลังจากนี้วันนี้จะมีการตั้งด่านทั่วทั้ง 32 อำเภอ และใช้มาตรการจับกุมดำเนินคดีอย่างเข้มงวด


บรรยากาศกลางเมืองหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  ซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ในยามค่ำคืนก็เงียบสงบ มีรถยนต์สัญจรไปมาอย่างบางตา ไม่ต่างจากเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ แต่ไม่ได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชน เนื่องจากร้านค้า ร้านอาหาร และสินค้าอื่นๆ เริ่มทยอยปิดให้บริการชั่วคราวก่อนหน้านี้หลายวัน นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เน้นย้ำถึงการบังคับใช้กฎหมาย โดยห้ามประชาชนออกจากบ้านตั้งแต่ 4 ทุ่มถึงตี 4 เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 

ขณะที่ช่วงเย็น เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกันจับกุมตัวนายสเตเกอร์ ตอนิเลียส ริชาร์ด สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ อายุ 68 ปี พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาฝ่าฝืนคำสั่งเปิดจำหน่ายอาหารให้ชาวต่างชาติ ขณะเข้าทำการตรวจสอบมีลูกค้านั่งรับประทานทานอาหาร 10 คน โดยร้านจัดสถานที่ให้ลูกค้าสำหรับนั่งรับประทานอาหารพร้อมเครื่องดื่ม ขณะที่นายสเตเกอร์ รับสารภาพว่าเป็นเจ้าของร้าน จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.หัวหิน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย 

พัทยาตรวจเข้มห้ามเข้า-ออกพื้นที่

ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบในเขตพื้นที่อำเภอบางละมุง และพัทยา มีการตั้งจุดคัดกรองที่เข้มงวดแล้ว 1 จุด บนถนนสุขุมวิทฝั่งขาเข้ากรุงเทพมหานคร บริเวณหน้า สภ.บางละมุง ถนนสุขุมวิท โดยการตั้งจุดสกัดนั้นมีการสนธิกำลังทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอบางละมุง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางละมุง เจ้าหน้าที่ทหารจาก สห.มทบ.14 เพื่อตรวจสอบการเดินทางของประชาชนและนักท่องเที่ยว โดยหากเป็นบุคคลต่างพื้นที่ก็จะไม่อนุญาตให้เดินทางเข้าสู่พื้นที่เมืองพัทยา และห้ามออกนอกเขตพื้นที่ แต่หากเป็นผู้ใช้แรงงานที่ประกอบอาชีพในพื้นที่ก็จะมีการจัดทำบัตรเพื่อแสดงตัวจากนั้นจะทำการคัดกรองและปล่อยเข้ามาในพื้นที่ในช่วงเวลาทำการได้ หากว่ากล่าวตักเตือนแล้วไม่เชื่อฟัง ก็จะดำเนินคดีตามกระบวนการทางกฎหมายทันที

ส่วนเมืองพัทยา กำลังเจ้าหน้าที่ออกตรวจตราตามตอกซอกซอยต่างๆ รวมไปถึงบนถนนหลักสุขุมวิท ซึ่งพบว่าไม่มีรถสัญจรไปมา มีเพียงส่วนน้อยที่กำลังจะไปทำงานและเลิกงานกลับที่พักเท่านั้น ส่วนร้านอาหารก็ปิดบริการทั้งหมด ทำให้บรรยากาศภายในเมืองพัทยาดูเงียบเหงาไปอย่างถนัดตา

เคอร์ฟิวคืนแรกไฟไหม้บ้านสมาชิก อบต.กลางดึกมอดทั้งหลัง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุลำภูว่ามีเหตุเพลิงไหม้ที่บ้านห้วยค้อ ตำบลบ้านพร้าว อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจและปลัดป้องกันอำเภอเมืองหนองบัวลำภู รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้ 2 ชั้นด้านล่างเปิดเป็นร้านอาหาร ทราบชื่อเจ้าของบ้านคือนายนิพนธ์ สีโท เป็นสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านพร้าว โดยมีรถดับเพลิงจากหลายพื้นที่เข้ามาช่วยระดมดับไฟ และขณะนั้นระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังดับไฟอยู่ ได้มีพลเมืองดีขึ้นไปนั่งบนรถขององค์การบริหารส่วนตำบลบ้านพร้าว และเหยียบคันเร่งไม่รู้จังหวะรถจึงทำให้เพลาฝากของเครื่องสูบน้ำขาดทำให้เครื่องดับเพลิงใช้การไม่ได้  แต่ยังดีมีรถดับเพลิงของเทศบาลเมืองหนองบัวลำภูและเทศบาลตำบลหัวนา เข้าสกัดเพลิงไว้ได้ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง จึงสามารถควบคุมเพลิงไม่ให้ลุกลามไปบ้านข้างเคียง แต่สภาพบ้านไฟไหม้ได้รับความเสียหายทั้งหลัง ซึ่งค่าเสียหายในเบื้องต้นประมาณ 1,500,000 บาท

สอบถามนายนิพนธ์ เจ้าของบ้านได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่าขณะนั้นกำลังพักผ่อนอยู่กับภรรยาและหลานซึ่งนอนอยู่ชั้นล่างของบ้าน ขณะเกิดเหตุได้มองไปบนบ้านได้เห็นแสงไฟลุกขึ้นที่บริเวณคัทเอาท์ไฟ จึงได้เข้าไปเพื่อจะสับคัทเอาท์ลงแต่ก็ไม่ทันเพลิงได้โหมลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ประกอบกับตอนนั้นมีลมพัดแรงมาก ตัวเองกับภรรยาจึงได้รีบขับรถยนต์ 2 คันออกจากบ้านมาได้ และรถมอเตอร์ไซค์อีก 1 คัน ส่วนเงินสดอยู่ในบ้าน 25,000  บาท ซึ่งเก็บไว้จะนำไปใช้หนี้ ธ.ก.ส.หนองบัวลำภู ก็ไหม้ไปกลับเปลวเพลิงส่วนสาเหตุเกิดจากคัทเอาท์ไฟด้านบนซึ่งมีสภาพเก่า  ประกอบกับช่วงนี้อากาศร้อน จึงทำให้เกิดประกายไฟและเกิดเพลิงไหม้ดังกล่าว

พ.ต.ต.วิวิธชัย ไชยแพทย์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองหนองบัวลำภู กล่าวว่า ในช่วงวันนี้ จะได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อจะสรุปหาสาเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้ต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ข่าวแนะนำ

อัญเชิญเรือพระที่นั่งกลับพิพิธภัณฑ์

หลังสร้างความตราตรึงให้กับชาวไทยและคนทั้งโลก กับความงดงามของขบวนพยุหยาตราทางชลมารค กองทัพเรือ และกรมศิลปากร เริ่มอัญเชิญเรือพระที่นั่ง และเรือพระราชพิธี กลับเข้าสู่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเรือพระราชพิธี ซึ่งแต่ละขั้นตอนต้องใช้ความละเอียด รอบคอบ เพราะเรือทุกลำถือเป็นสมบัติล้ำค่าของแผ่นดิน

ย้อนรอยเส้นทางชีวิต “บิ๊กโจ๊ก”

เป็นเวลากว่า 6 เดือนแล้วที่เส้นทางตำรวจของ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ต้องยุติลง หลังถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อน กรณีพัวพันเว็บพนันออนไลน์ จากนี้ชะตาชีวิต “บิ๊กโจ๊ก” ขึ้นอยู่กับ ป.ป.ช. ว่าจะได้กลับมาสวมชุดตำรวจอีกหรือไม่

“ปานเทพ” เปิดหลักฐานสัญญาชัด 71 ล้านเป็นชื่อ “มาดามอ้อย”

“อ.ปานเทพ” เปิดหลักฐานหนังสือสัญญาบอกชัด 71 ล้านบาท เป็นชื่อ “มาดามอ้อย” เปิด 3 รายชื่อให้เร่งตรวจสอบ หวั่นโยกย้ายทรัพย์สิน