ครม. ไฟเขียวงบ1.7 หมื่นล้านบาท พยุงปัญหาโควิด-19

ทำเนียบรัฐบาล 17 มี.ค. – คณะรัฐมนตรีอนุมัติงบ 1.7 หมื่นล้านบาท พยุงปัญหาโควิด-19


นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ได้อนุมัติงบกลางจำนวน 17,310 ล้านบาท เพื่อใช้แก้ไขและบรรเทาปัญหาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมถึงปัญหาผลกระทบจากภัยแล้งที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ด้วย โดยมีการแบ่งใช้งบประมาณเป็น 2 ส่วน คือส่วนแรกเพื่อบรรเทาปัญหาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า 2019 แบ่งให้ส่วนราชการต่างๆจำนวน 9,002 ล้านบาท จัดสรรโครงการการจ้างงานให้กับผู้ที่จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสครั้งนี้อีก 2,700 ล้านบาท  โครงการจ้างงานจะมีระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือนอัตราค่าจ้างกำหนดไว้คนละไม่เกิน 9,000 บาทต่อเดือน 

ในส่วนงบประมาณที่จัดสรรให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัส 2019 จำนวน 9,002 ล้านบาทนี้ กระทรวงที่ได้รับการจัดสรรงบมากที่สุด คือกระทรวงสาธารณสุข จำนวน 5,488 ล้านบาท ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ก็ได้รับการจัดสรรงบประมาณเช่นกัน  ได้รับการจัดสรร 108 ล้านบาท เพื่อนำไปชดเชยให้กับโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยทั้ง 11 โรงที่ขณะนี้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นมาก


นางสาวรัชดา กล่าวยืนยันถึงการจัดสรรหน้ากากอนามัยในภาพรวมปัจจุบันว่า รัฐบาลเต็มที่กับการจัดสรรค์หน้ากากอนามัยให้เพียงพอ ตรวจลำดับแรกคือการจัดสรรสำหรับใช้ทางการแพทย์ ทางกระทรวงพาณิชย์มีการประสานงานกับผู้ผลิตหน้ากากอนามัยทั้ง 11 โรงงาน เพื่อปรับสายการผลิตให้มีการผลิตหน้ากากอนามัยสำหรับใช้ในประเทศเพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่สามารถผลิตได้วันละ 1.2 ล้านชิ้น  ขณะนี้สามารถเพิ่มขึ้นเป็น 1.76  ล้านชิ้นต่อวัน  จำนวนหน้ากากที่สามารถผลิตได้เพิ่มขึ้นวันละ 560,000 ชิ้นต่อวันนั้น มีการจัดสรรให้กับสถาบันและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับทางการแพทย์ โดยกระทรวงสาธารณสุขได้รับการจัดสรรจำนวน 1 ล้านชิ้นต่อวัน จากเดิมที่ได้รับการจัดสรรเพียง 700,000 ชิ้นต่อวัน โดยในจำนวนนี้มีการจัดสรรให้กับหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงสาธารณสุขจำนวน 500,000  ชิ้น โรงพยาบาลภายนอกกระทรวงสาธารณสุขจำนวน 70,000 ชิ้น โรงพยาบาลที่สังกัดมหาวิทยาลัย และคณะทันตแพทย์จำนวน 100,000 ชิ้นต่อวัน โรงพยาบาลเอกชนและคลินิกเอกชน ได้รับการจัดสรรจำนวน 200,000 ชิ้นต่อวัน โรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานครได้รับการจัดสรรจำนวน 80,000 ชิ้นต่อวัน และมีการจัดสรรตามมาตรการกักตัว 50,000 ชิ้นต่อวัน 

นอกจากนี้ยังจัดสรรหน้ากากอนามัยของกลาง ที่ยึดมาจากการจับกุมผู้ขายหน้ากากเกินราคา รวมถึงที่ยึดได้จากกรมศุลกากร มีการจัดสรรให้กับโรงพยาบาล และเมื่อคดีเป็นที่สิ้นสุดหากศาลตัดสินว่าไม่ผิด ทางรัฐบาลจะคืนให้เป็นตัวเงินแทนกน้ากากอนามัย

ส่วนปัญหาการกักตุนและการขายสินค้าเกินราคา ไม่ว่าจะเป็นหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ วันนี้ทางกระทรวงพาณิชย์ได้รายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีว่า จะมีการจัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อทำหน้าที่ป้องกันและปราบปรามการกักตุนสินค้าและการขายสินค้าเกินราคา  ธนาคารนี้จะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือส่วนกลางและระดับจังหวัด ในส่วนรับจังหวัดมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจและจะประกอบด้วยพาณิชย์จังหวัดเจ้าหน้าที่ปกครองในระดับท้องถิ่นและท้องถิ่นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นต้น . – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ป.ป.ส. รวบ 3 นักค้ายาเสพติดต่างชาติ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ

ป.ป.ส. รวบนักค้ายาเสพติดต่างชาติ 3 ราย ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ส่งออกไปอิตาลี-อังกฤษ เลขาฯ ป.ป.ส. เผยความสำเร็จครั้งนี้เป็นผลจากการประสานงานใกล้ชิดระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ตรวจสอบตลาดปาล์มน้ำมัน หลังราคาพุ่ง

ช่วงนี้น้ำมันปาล์มตามท้องตลาดปรับราคาแพงขึ้น จากเดิมขวดละราว 10 บาท ทำให้ผู้บริโภคถึงกับโอดครวญ ขณะที่เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ระบุแม้ช่วงนี้ราคาปาล์มน้ำมันขายได้ราคาดีที่สุดในรอบหลายปี แต่เกษตรกรกลับไม่มีปาล์มขาย

ข่าวแนะนำ

เดินหน้าเสนอ ครม. ตั้งคณะกรรมการร่วมไทย-กัมพูชา เจรจาพื้นที่ทับซ้อน

กระทรวงการต่างประเทศ เดินหน้าเสนอ ครม. ตั้งคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิค JTC ไทย-กัมพูชา เจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยกับกัมพูชา ตามแนว MOU 2544 ยืนยันไม่ทำให้เสียเกาะกูด

เข้าสู่ฤดูหนาว

อุตุฯ ประกาศไทยเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว

กรมอุตุฯ ประกาศการเข้าสู่ฤดูหนาวของประเทศไทย ปี 2567 ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย. โดยเป็นการเข้าสู่ฤดูหนาวช้ากว่าปกติประมาณ 2 สัปดาห์ เนื่องจากมีพายุก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิกและเคลื่อนเข้าสู่ทะเลจีนใต้ และยังมีฝนบางพื้นที่ ปีนี้จะหนาวกว่าปีที่แล้ว

ช้างพลายขุนเดช

ย้ายแล้ว “ช้างพลายขุนเดช” ไปสถาบันคชบาลแห่งชาติ จ.ลำปาง

ย้ายแล้ว “ช้างพลายขุนเดช” สู่สถาบันคชบาลแห่งชาติ จ.ลำปาง จบดราม่า หลังฝากเลี้ยงที่มูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม จ.เชียงใหม่