สธ. 27 ก.พ. – สธ. เผยเจอตัวผู้อยู่ในข่ายเฝ้าระวังเคสปู่ย่า กลับจากฮอกไกโดแล้ว 101 คน ตรวจเชื้อแล้ว 97 คน เป็นลบ เหลือรอผล 4 คน วันนี้มีผู้ป่วยรักษาหายแล้วเพิ่มอีก 3 คน
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป กล่าวถึงสถานการณ์โรคโควิด-19 ว่าวันนี้มีผู้ป่วยรักษาหายแล้วเพิ่มอีก 3 คน เป็นนักท่องเที่ยวจีน 2 คน เดินทางมาก่อนที่จีนจะประกาศปิดประเทศ และคนไทย 1 คน รักษาตัวที่สถาบันบำราศนราดูร และ รพ.ราชวิถี 1 คน ถือว่าอัตราการรักษาหายมีมากถึง 2 ใน 3 หรือ คิดเป็นร้อยละ 67 โดยรักษาหายแล้ว 27 คน เหลือรักษาตัวในรพ. 13 คน
ส่วนอาการของผู้ป่วยรายล่าสุด ปู่ ย่า และหลาน 8 ปี นั้น ขณะนี้อาการปลอดภัยแล้ว รักษาตัวที่สถาบันโรคทรวงอก และสถาบันบำราศนราดูร ส่วนผู้สัมผัสใกล้ชิดเกี่ยวข้องกับปู่-ย่า นี้ มีรวมกว่า 101 คน สามารถติดตามได้ครบหมดแล้ว เป็นทั้งครอบครัว เพื่อนนักเรียน บุคลากรทางการแพทย์ โดยผลการตรวจยืนยันเบื้องต้นเป็นลบ 97 คน ไม่พบเชื้อโควิด-19 ส่วนอีก 4 คนที่เหลือ เพิ่มเก็บตัวอย่าง อยู่ระหว่างการรอผลตรวจเชื้อ
นพ.โสภณ กล่าวว่าจากกรณีของปู่ ย่า ที่มาจากฮอกไกโดครั้งนี้ ยืนยันเป็นการติดต่อในวงจำกัด มีแค่หลาน 1 คน เท่านั้นที่ติดเชื้อจากครอบครัวทั้งหมด 5 คน ส่วนหลังจากที่มีการลงนามประกาศให้โรคโควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตรายร้ายแรง เหลือเพียงการประกาศในราชกิจจาฯ จะมีผลให้ผู้ที่เดินทางมาจาก 6 ประเทศเสี่ยง อาทิ จีน (มาเก๊า ฮ่องกง ไต้หวัน) ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ อิตาลี อิหร่าน แล้วไม่เปิดเผยข้อมูลในการเดินทาง และกรณีเจ้าหน้าที่มีการให้เฝ้าระวังควบคุมโรค แต่ไม่ปฏิบัติตาม เช่น ควบคุม กักตัว มีโทษต่ำสุดปรับ 20,000 บาท หรือสุดสุด 500,000 บาท
พร้อมย้ำขณะนี้การรักษาพยาบาลการรักษาโรคโควิด-19 ยังให้บริการรักษาฟรี และร้องขออย่าให้ประชาชนตื่นตระหนก กรณีที่ขณะนี้มีการคลีนนิ่งบ้านเรือน สถานศึกษาที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวนี้ ว่า อย่ากังวล โรคโควิด -19 ไม่ได้ติดต่อกันได้จาก ละอองฝอยน้ำลาย กรณีอยู่ในระยะ 1 เมตร ในระยะเวลา 5 นาที
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า หลังจากเมื่อวานเกิดเคสปู่ย่า มาจากฮอกไกโดทำให้สายด่วน 1422 มีผู้โทรศัพท์มาสอบถาม 1,300 สาย ส่วนใหญ่สอบถามเรื่องการปฏิบัติตัวการเฝ้าระวังโรค หากผ่านการตรวจที่สนามบินแล้ว โดยย้ำว่า การปฏิบัติตัวเหล่านี้เป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม การสังเกดอาการ 14 วัน กรณีกลับมาไม่มีไข้ ไอ หรือ โรคระบบบทางเดินหายใจกรณีกลับมาจากพื้นที่เสี่ยง ถือเป็นมาตรฐาน ที่ต้องปฏิบัติ อย่างเคร่งครัด และหากเจ็บป่วยให้ไป รพ.ใกล้บ้าน พร้อมให้ประวัติการเดินทาง อย่างไรก็ตาม โรคนี้ไม่ใช้โรคที่น่ารังเกียจ เป็นแล้วมีโอกาสหายได้ ยังเกิดอัตราตายน้อย ร้อยละ 3.-สำนักข่าวไทย
