กรุงเทพฯ 30 ม.ค. – อธิบดีกรมป่าไม้สั่งตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและควบคุมไฟป่า เพื่อลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 นำเทคโนโลยีขั้นสูงตรวจสอบจุดความร้อน ระดมอุปกรณ์ดับไฟป่าพร้อมเข้าระงับเหตุ ย้ำหากพบผู้ลักลอบเผาป่า จับกุมดำเนินคดีทันที
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า ได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและควบคุมไฟป่า (วอร์รูม) จังหวัดลำปาง เพื่อรับสถานการณ์ไฟป่า 9 จังหวัดภาคเหนือ เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็กที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างเดือนมกราคมถึงเมษายนของทุกปี โดยกำชับเจ้าหน้าที่ป่าไม้จำลองสถานการณ์ไฟป่า ซักซ้อมการปฏิบัติการแบบ “รับแจ้งเหตุเร็ว สั่งการรวดเร็ว และเข้าดับไฟรวดเร็ว” ขณะนี้ได้นำเทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น โดรน ดาวเทียม ตรวจหาพื้นที่ที่เกิดไฟไหม้ในป่า เตรียมแผนเผชิญเหตุดับไฟป่า กำลังเจ้าหน้าที่ พร้อมระดมอุปกรณ์ดับไฟมาเสริม
สำหรับแผนเผชิญเหตุดับไฟป่ามี 3 ระดับ คือ แผนดับไฟป่าตามสถานการณ์ปกติ ซึ่งเป็นไฟป่าเพิ่งเกิด ตรวจพบทันที หรือลุกลามไม่เกิน 100 ไร่ ซึ่งกรมป่าไม้จะร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทหาร และเครือข่ายชุมชนในการปฏิบัติงาน แผนดับป่าในสถานการณ์รุนแรง ซึ่งไฟไหม้ลามเกิน 100 ไร่ หรือปฏิบัติการตามแผนที่ 1 เกิน 3 วันแล้ว จะตั้งศูนย์อำนวยการดับไฟป่า โดยมีนายอำเภอทำหน้าที่บัญชาการ รวมทั้งจะส่งกำลังพล เครื่องมือ และอากาศยานเข้ามาควบคุมเพลิง และแผนดับไฟป่าในสถานการณ์วิกฤติ ซึ่งเกิดไฟป่าแล้วใช้แผนที่ 2 ควบคุมไม่ได้เกิน 15 วัน จะตั้งศูนย์อำนวยการดับไฟป่า โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดทำหน้าที่อำนวยการ พร้อมระดมกำลังพล อุปกรณ์ เทคโนโลยีต่าง ๆ จากทุกภาคส่วนเข้ามาแก้ไขภาวะวิกฤติอย่างเร็วที่สุด
นายอรรถพล กล่าวต่อว่า ทุกจังหวัดจะจัดตั้ง “ชุดปฏิบัติการพิเศษปราบปรามการลักลอบเผาป่า” ซึ่งจะออกลาดตระเวนเฝ้าระวัง โดยนำข้อมูลพื้นที่เสี่ยงและพฤติกรรมการเกิดไฟป่าของปีที่ผ่านมาเป็นข้อมูลใช้วางแผนปฏิบัติงานและกำหนดพื้นที่เป้าหมาย หากพบผู้จุดไฟเผาป่าจะจับกุมทันทีและดำเนินคดีอย่างเฉียบขาด
“ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ คือ ช่วงวันที่ 15 มีนาคมถึง 30 เมษายน ซึ่งใกล้สู่ฤดูกาลเพาะปลูกใหม่จะมีการลักลอบเผาป่า เพื่อทำไร่เลื่อนลอยกันมาก จึงต้องวางแผนลดจุดความร้อน (Hot Spot) อย่างเข้มข้น เพื่อบรรเทาผลกระทบจากปัญหาหมอกควันและฝุ่นละออง PM 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ การคมนาคม การท่องเที่ยว และเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเผาป่าจะสร้างความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติและระบบนิเวศอย่างร้ายแรง” นายอรรถพล กล่าว.-สำนักข่าวไทย