ศูนย์ราชการฯ 16 ธ.ค.-การสอบสวนคดี “แชร์ฟอเร็กซ์ 3D” และ “แชร์แม่มณี” คืบหน้ามาก โดยคดีแชร์ฟอเร็กซ์ฯ มีผู้เสียหายจำนวนมาก เตรียมขยายเวลาสอบปากคำ ส่วนแชร์แม่มณีพยานหลักฐานเกือบสมบูรณ์แล้ว เตรียมสรุปสำนวนส่งอัยการเดือน ม.ค.63 พร้อมเสนอออกหมายจับตัวการสำคัญและผู้ใกล้ชิดรอบแรก 20-30 ราย
นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการสอบปากคำผู้เสียหายจากคดีแชร์ฟอเร็กซ์ 3D และแชร์แม่มณี ว่า มีความคืบหน้าไปมากทั้ง 2 คดี โดยคดีแชร์ฟอเร็กซ์3D ได้มีผู้เสียหายลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ของกรมสอบสวนคดีพิเศษรวมทั้งสิ้นกว่า 11,000 ราย และขณะนี้ได้สอบปากคำไปแล้วประมาณ 4,000ราย ถือว่าพยานหลักฐานที่มีอยู่เพียงพอแล้ว แต่เนื่องจากมีจำนวนผู้เสียหายที่ประสงค์จะเข้ามาให้ปากคำจำนวนมาก เพื่อเข้าสู่กระบวนการเฉลี่ยทรัพย์ ทำให้อาจจะต้องมีการขยายเวลาการสอบปากคำออกไป จนถึงเดือนมกราคมหรืออย่างช้าสุดในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า โดยจะประกาศวันเวลาที่จะขยายออกไป รวมทั้งสถานที่ในการสอบปากคำในช่วงของการขยายเวลา ผ่านระบบของกรมสอบสวนคดีพิเศษอีกครั้ง โดยขณะนี้มีผู้เสียหายทยอยเข้ามาให้ปากคำต่อเนื่อง พนักงานสอบสวนจะเร่งสอบปากคำผู้เสียหายที่ประสงค์จะเข้าให้ปากคำทั้งหมดให้แล้วเสร็จ และคาดว่าจะสรุปสำนวนการสอบสวนภายในเดือนเมษายน
นายปิยะศิริ กล่าวต่อว่า การดำเนินคดีแชร์ฟอเร็กซ์ฯ เน้นการติดตามยอดอายัดทรัพย์สินจากการกระทำความผิด โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษได้บูรณาการกับหลายหน่วยงานในการติดตามยึดอายัดทรัพย์ของผู้เกี่ยวข้องแล้ว จำนวน 4 ครั้ง ได้ทรัพย์สิน รวมมูลค่ากว่า 700 ล้านบาท เข้าสู่กระบวนการตรวจสอบการได้มาของทรัพย์สิน ซึ่งมั่นใจว่าทรัพย์สินที่ยึดมาเบื้องต้น น่าจะเฉลี่ยคืนได้ไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท ส่วนผู้กระทำความผิดจะมีการออกหมายจับต่อไป
ส่วนความคืบหน้าการดำเนินการคดีแชร์แม่มณีล่าสุดนั้น ผู้อำนวยการ กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า มีผู้เสียหายมาลงทะเบียนรวมทั้งสิ้นกว่า 4,000 ราย ซึ่งได้มีการสอบปากคำรวบรวมพยานหลักฐานได้ครบถ้วนแล้ว ขณะนี้กำลังประสานข้อมูลกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงิน ของผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยจะสรุปสำนวนการสอบสวนส่งอัยการในเดือนมกราคมนี้ ซึ่งในเบื้องต้นจะมีการเสนอออกหมายจับตัวการสำคัญและกลุ่มแกนนำรวมทั้งผู้ใกล้ชิดจำนวน 20-30 ราย เป็นกลุ่มแรก
จากนั้นจะแตกเลขคดีออกไป ดำเนินการตามความผิดตามพระราชบัญญัติอื่น ๆ คือ กฎหมายฟอกเงิน พระราชบัญญัติ ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และพระราชบัญญัติการกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชนหรือกฎหมายแชร์ลูกโซ่ ซึ่งจะเอาผิดแม่ทีมและแม่สายอีกน่าจะไม่ต่ำกว่า 100 คน.-สำนักข่าวไทย