ไบเทค 18 ต.ค. – ครบรอบ 20 ปี รางวัลไทยแลนด์เอนเนอร์ยี่อวอร์ด สร้างนักพัฒนาพลังงานทดแทนและนักอนุรักษ์พลังงาน ขึ้นแท่นผู้นำอาเซียน ใช้พลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล Thailand Energy Awards ประจำปี 2562 และเป็นโอกาสการฉลองความสำเร็จครบรอบ 2 ทศวรรษ กับการผลักดันการพัฒนาพลังงานทดแทนและการอนุรักษ์พลังงานของไทย โดยกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กระทรวงพลังงาน ได้ส่งเสริมและเปิดกว้างให้ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชนมีส่วนร่วมผ่านการประกวดรางวัลนี้อย่างต่อเนื่องตลอด 20 ปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันมีผู้ส่งผลงานเข้าประกวด 3,465 ผลงาน ได้รับการคัดเลือกรับรางวัลในสาขาต่าง ๆ 951 รางวัล คิดเป็นสัดส่วนลดการใช้พลังงาน มูลค่ากว่า 9,300 ล้านบาท สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้กว่า 1.9 ล้านตัน
“โลกปัจจุบันการทำธุรกิจจะมุ่งสร้างรายได้อย่างเดียวไม่ได้ จะต้องดูถึงการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม การเข้าประกวดThailand Energy Awards นับเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมในการเป็น Global Citizen และการที่ไทยพัฒนานวัตกรรมต่่าง ๆ ก็จะทำให้เดินหน้าตามเป้าหมายฮับพลังงานเป็นศูนย์กลางในอาเซียนได้” นายสมคิด กล่าว
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า รางวัล Thailand Energy Awards เป็นรางวัลแห่งความภาคภูมิใจ ไม่เพียงแต่ผู้ได้รับรางวัลเท่านั้น ยังรวมไปถึงการเป็นตัวแทนประเทศไทยไปแสดงศักยภาพบนเวทีระดับอาเซียน คว้ารางวัลอาเซียนเอนเนอร์ยี่อวอร์ด (ASEAN Energy Awards ) มาได้ถึง 211 รางวัล ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุด และเป็นที่หนึ่งในอาเซียนอย่างต่อเนื่อง 10 ปี
สำหรับปีนี้มีผู้ได้รับรางวัลไทยแลนด์เอนเนอร์ยี่อวอร์ด ประจำปี 2562 ทั้งสิ้น 66 รางวัล จาก 5 สาขา ประกอบด้วย ด้านพลังงานทดแทน 20 รางวัล ด้านอนุรักษ์พลังงาน 25 รางวัล ด้านบุคลากร 10 รางวัล ด้านพลังงานสร้างสรรค์ 2 รางวัล ด้านผู้ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน 9 รางวัล จากผู้ส่งผลงานทั้งสิ้น 322 ผลงาน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ส่งเข้าประกวด 268 ผลงาน
ด้านการไฟฟ้านครหลวง (MEA) ได้รับรางวัลดีเด่น ผู้ส่งเสริมด้านพลังงาน ประเภทสมาคม องค์กร หน่วยงานและได้ร่วมจัด นิทรรศการนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยี MEA EV Application
นายวิลาศ เฉลยสัตย์ รองผู้ว่าการ MEA เปิดเผยว่า MEA มีความตระหนักถึงวิกฤตการณ์ด้านพลังงาน และปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่ทวีความรุนแรงขึ้น ตลอดจนความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคในการใช้พลังงานที่เพิ่มมากขึ้น MEA จึงมุ่งส่งเสริมให้ประชาชนได้เข้าถึงเทคโนโลยีการอนุรักษ์พลังงานที่สามารถรองรับการใช้ชีวิตประจำวันได้ ด้วยการวิจัยและพัฒนาผลักดันให้เกิดสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าขึ้นเป็นที่แรกในการไฟฟ้านครหลวงเขตต่าง ๆ 12 สถานี การจัดงานวันวิชาการเพื่อแสดงศักยภาพด้านนวัตกรรมการอนุรักษ์พลังงานที่ทันสมัย การพัฒนา MEA EV Application ที่สามารถตรวจสอบสถานีอัดประจุไฟฟ้า รวมถึงทำการจองหัวชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้ การส่งบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญไปเป็นวิทยากรบรรยายในเวทีต่าง ๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้า นอกจากนี้ ยังมีการสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านการอนุรักษ์พลังงานหลายโครงการ รวมทั้งการจัดทำสื่อเผยแพร่ความรู้การอนุรักษ์พลังงานและผลักดันให้เกิดการใช้พลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่อง จากผลงานดังกล่าวทำให้ MEA ได้รับรางวัลครั้งนี้ .-สำนักข่าวไทย