fbpx

สธ.ลุยให้ข้อมูลประชาชน 6วันที่เหลือ ก่อนประชุมแบน 3 สารเคมี

สธ.16 ต.ค.–สธ.ไล่ฟ้องคนแอบอ้างผู้บริหาร สธ.หนุนสารเคมี อ้างโลโก้กระทรวงฯการันตี 3 สารเคมีปลอดภัย พร้อมเดินหน้า 6 วันที่เหลือก่อนประชุม 22 ต.ค.62 แบน 3 สารเคมีให้ตกอยู่ในกลุ่มวัตถุอันตรายประเภท 4 ทำข้อมูลให้ประชาชนและคณะกรรมการวัตถุอันตราย รู้เท่าทัน ทั้งทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำ ก่อมะเร็ง อัลไซเมอร์ และเด็กสมาธิสั้น  สารเคมีตกค้างได้ถึงในรกเด็ก 



นพ.มล.สมชาย จักรพันธุ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา อาจารย์ประจำคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แถลงผลการหารือคณะกรรมการรณรงค์และขับเคลื่อนเพื่อยุติการใช้สารเคมีทางการเกษตร ที่มีอันตรายต่อสุขภาพ   ซึ่งใช้เวลาหารือ นานกว่า 2 ชั่วโมง 


โดย นพ.มล.สมชาย กล่าวว่า เนื่องจากการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย ที่มีผู้แทนจากหลายกระทรวงเข้าร่วมจะพิจารณาให้ 3 สารเคมี พาราควอต ,ไกลโฟเซต และ คลอร์ไพรีฟอส  เป็นวัตถุอันตรายประเภทที่ 4  ในวันที่ 22 ต.ค.นี้ ทางคณะกรรมการรณรงค์และขับเคลื่อนฯ เห็นว่า ระยะอีก 6 วันก่อนการพิจารณา จะเร่งทำข้อมูลด้านสุขภาพ ที่มีผลกระทบจากสารเคมีทั้ง 3 ชนิดสื่อสารให้ประชาชนรู้ทุกวัน และนำข้อมูลเหล่านี้ ส่งให้คณะกรรมการวัตถุอันตราย ที่จะมีการพิจารณาในวันที่ 22 ต.ค.นี้ด้วย เพื่อประกอบการตัดสินใจ  พร้อมเรียกร้องให้โหวตแบน 3 สารเคมีอย่างเปิดเผย  ซึ่งถือเป็นมาตรการระยะสั้นก่อนการประชุม 

ขณะเดียวกันให้ทีมกฎหมายกระทรวงสาธารณสุข รวบรวมพยานหลักฐานการนำโลโก้กระทรวงสาธารณสุขและข้อมูลที่นำภาพหรือข้อความเกี่ยวกับ 2 อธิบดีทั้งกรมควบคุมโรคและกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ไปแอบอ้าง ว่า ให้การสนับสนุนหรือการันตีว่า 3 สารเคมีปลอดภัยไม่มีอันตราย ซึ่งถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์  เนื่องจากมีการแอบอ้างข้อมูล และเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จเกี่ยวกับตัวบุคคล โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งได้แจ้งความไปตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค.ที่ผ่านมา  เพราะในความเป็นจริงเรื่องนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน เนื่องจากการแบน 3 สารเคมีเป็นนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข 

ด้าน นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวว่า ข้อมูลผลกระทบด้านสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุข เป็นผลการศึกษาวิจัยร่วมกับต่างประเทศ ซึ่งตรงกับทั่วโลก แน่ชัดว่า ผลกระทบจากสารเคมีทั้ง 3 สาร ปะปนอยู่ในห่วงโซ่อาหาร ทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ทั้งภูมิคุ้มกันต่ำ มะเร็ง โรคทางสมองที่รักษาไม่หายขาด แบบเฉียบพลันก็มีผลต่อระบบทางเดินหายใจ  โดยพาราควอต อันตรายอันดับ 1 รองลงมาไกลโฟเซต แม้รับเพียงแค่ 200 มิลลิมิตรก็ทำให้เป็นโรคอัลไซเมอร์แบบเฉียบพลัน  ส่วนคลอร์ไพรีฟอส ทำให้ หายใจติดขัด ระบบอื่นในร่างกายผิดปกติ  


ขณะเดียวกัน จากการตรวจสอบในรกเด็ก น้ำคร่าและขี้เทา พบว่ามีสารเคมี 3 สารนี้ตกอยู่ค้าง ส่งผลให้เด็กมีพัฒนาล่าช้า สมาธิสั้น   

ทั้งนี้ ยืนยันว่าการแบน 3 สารเคมี เป็นการปกป้องเกษตรกร ป้องกันไม่ให้ได้รับอันตรายจากสารเคมี แม้ว่าจะถูกโจมตีว่า กรณีมีการนำสารเคมีไปใช้ฆ่าตัวตาย ถือว่าผิดวัตถุประสงค์ ในทางการแพทย์แม้จะใช้ลักษณะใดก็ไม่สมควรเสียชีวิต เพราะจากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่ตุลาคม ปี2561–กรกฎาคม ปี2562 มีคนเสียชีวิตจากสารเคมีที่ใช้ในประเทศ ที่มีมากว่า 280 ชนิด รวม  406 คน และมีอัตราป่วยเข้า รพ.มากกว่า 15,000 คน ยิ่งหากใช้ทั้ง 3 สารรวมกันก็ยิ่งอันตราย เป็นเท่าตัว 

นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวด้วยว่า ขอถามกลับกลุ่มคนที่เห็นต่างเกี่ยวกับการแบน 3 สารเคมีว่านำข้อมูลจากห้องปฏิบัติการที่ไหนมาอ้างเพราะห้อง ปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ของกรมวิทย์ฯ ตรวจสอบได้ถึง 500–600 ชนิด แต่ห้องปฏิบัติการที่กลุ่มเห็นต่างอ้างว่าตรวจได้ และได้รับการรับรองจากกรมวิทย์ฯนั้น โดยเป็นห้องปฏิบัติการในพื้นที่ ก็อยากให้อธิบดีกรม วิทยาศาสตร์การแพทย์ ช่วยตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย ว่าเคยมีการรับรองห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์จริงหรือไม่ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

ชีวิตติดลบ! ชาวแม่สายจมน้ำจมโคลน 10 วันแทบหมดตัว

หลายชุมชนชายแดนแม่สาย เผชิญน้ำท่วมและจมโคลนมา 10 วันแล้ว อยู่ในสภาพแทบหมดตัว ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่กับชีวิตที่ต้องติดลบจากน้ำท่วมครั้งนี้

อาลัย “อดีตแข้ง U19” ขับเบนซ์พลิกคว่ำดับพร้อมภรรยา

วงการลูกหนังอาลัย “อดีตนักเตะ U19” ขับเบนซ์พลิกคว่ำดับพร้อมภรรยา ชาวบ้านเผยจุดนี้เกิดอุบัติเหตุบ่อย ลงสะพานอย่าขับเร็ว

สอบเพิ่ม “ไอ้แม็ก” ฆ่าชิงทรัพย์หญิงขับโบลท์ ฝากขังพรุ่งนี้

ตำรวจคุมตัว “ไอ้แม็ก” สอบปากคำเพิ่มคดีฆ่าชิงทรัพย์โชเฟอร์สาวขับโบลท์ เจ้าตัวปฏิเสธไปชี้จุด อ้างปวดท้องไม่สบาย เตรียมฝากขังพรุ่งนี้