กรุงเทพฯ 2 ต.ค.- ตำรวจสอบเพิ่มแท๊กซี่วัย 61 ปี หลังแทงภรรยาดับ ก่อนหลบหนีและถูกจับกุมได้ที่ จ.พิษณุโลก รับก่อเหตุเพราะบันดาลโทสะ
ตำรวจ สน.บางเขน นำตัวคนขับแท็กซี่ อายุ 61ปี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุใช้มีดแทงภรรยา อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นภรรยาคนที่2 เสียชีวิตภายในบ้านพัก ในซอยพหลโยธิน 52 เขตสายไหม เมื่อวันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา มาสอบปากคำเพิ่มเติมหลังจับกุมตัวได้ที่สถานีรถไฟหนองตม อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก ผู้ต้องหาปฏิเสธตอบคำถามสื่อมวลชน ยืนยันว่าเป็นการบันดาลโทสะ ไม่ได้มีการวางแผนมาก่อน
ทั้งนี้ ลูกสาวของผู้ต้องหาที่เกิดจากภรรยาคนแรกได้เดินทางเข้าเยี่ยมบิดา เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้บิดาทำงานรับเหมาก่อสร้าง เป็นคนดี รักครอบครัว กระทั่งผู้เสียชีวิต คือภรรยาคนที่2 อยู่กินด้วยกันมาประมาณ 20 ปี แต่ในระยะ 3-4ปี ที่ผ่านมา มีปัญหาด้านการเงิน จึงถูกผู้เสียชีวิตและลูกที่เกิดจากภรรยาใหม่ กดดันหลายอย่าง โดยบิดาเคยมาร้องไห้และเล่าให้ตนเองฟังหลายครั้ง ประกอบกับช่วงหลัง บิดาระแวงว่าผู้เสียชีวิตจะไปมีคนอื่น จนเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น
พันตำรวจเอกชุมพล ชาญชนะโยธิน รองผู้บังคับการนครบาล 2 ระบุว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหารับสารภาพว่าก่อเหตุจริง ซึ่งทั้งหมดเป็นเรื่องส่วนตัวที่เกิดจากการหึงหวง โดยผู้ต้องหาอ้างว่าภรรยามีพฤติการณ์คุยกับผู้ชายคนอื่นมานานหลายปี กระทั่งวันเกิดเหตุผู้ต้องหากำลังจะไปขับรถแท็กซี่ แต่เกิดปากเสียกันขึ้น จนบันดาลโทสะ จึงแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
เบื้องต้นผู้ต้องหาขอใช้สิทธิ์ไม่ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ แต่ยอมรับตลอดทุกข้อกล่าวหา พรุ่งนี้ตำรวจจะนำตัวผู้ต้องหาไปขออำนาจศาลฝากขัง พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากมีอัตราโทษสูง และ ผู้ต้องหามีพฤติการณ์หลบหนี .-สำนักข่าวไทย