นครนิวยอร์ก สหรัฐ 23 ก.ย. – นายกรัฐมนตรี ย้ำความสำเร็จของไทยในการพัฒนาหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เข้าถึงประชาชนในทุกระดับ และเป็นต้นแบบการพัฒนาสาธารณสุข
สำหรับภารกิจวันที่ 2 ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 74 ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ ในวันนี้ (23 ก.ย.) เวลา 09.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (ช้ากว่าไทย 11 ชั่วโมง) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมเต็มคณะของการประชุมระดับสูงว่าด้วยหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (High-level Meeting on Universal Health Coverage) จากนั้นได้เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมระดับผู้นำว่าด้วยการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ ก่อนที่จะเข้าร่วมการประชุมเต็มคณะของการประชุมระดับสูงว่าด้วยหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า โดยนายกรัฐมนตรี จะกล่าวถ้อยแถลงชูความโดดเด่นเรื่องของหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่ไทยได้รับการจัดอันดับ 6 ของโลก และในช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีจะเข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำว่าด้วยการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ โดยนายกรัฐมนตรี จะกล่าวถ้อยแถลงในนามอาเซียน ก่อนที่ในช่วงเย็นจะเข้าสู่พิธีปิดการประชุมระดับสูงว่าด้วยหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
จากนั้นเดินทางออกจากสำนักงานใหญ่สหประชาชาติ เพื่อไปยังทำเนียบเอกอัครราชทูต ณ นครนิวยอร์ก เพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ
สำหรับการประชุมเต็มคณะระดับสูงว่าด้วยหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถ้อยแถลงสรุปสาระสำคัญว่า ความสำเร็จด้านสาธารณสุขของไทยมีพื้นฐานจากระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่ครอบคลุมประชากรเกือบ 100% การลงทุนด้านสุขภาพเป็นการลงทุนทั้งเพื่อปัจจุบันและอนาคต ประชาชนที่มีสุขภาพดีจะเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน เป้าหมายการมีหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าสามารถทำได้จริง หากมีความมุ่งมั่นและตั้งใจ โดยแบ่งปันประสบการณ์ของไทย ซึ่งอยู่บนพื้นฐานของหลักการ 3 ประการ คือ 1. ความเท่าเทียม รัฐบาลไทยได้พัฒนาระบบสาธารณสุข เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงบริการที่มีคุณภาพได้อย่างทั่วถึง ครอบคลุมการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันและรักษาโรค ซึ่งรวมถึงโรคเรื้อรังและโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้ ไทยจะขยายสิทธิประโยชน์ให้รวมถึงการให้ยาต้านไวรัสเอชไอวีก่อนการสัมผัสเชื้อแก่ประชากรกลุ่มเสี่ยง สานต่อความสำเร็จของโครงการในพระดำริของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ทูตสันถวไมตรีของโครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติ ในการป้องกันเอชไอวีในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก
2.ประสิทธิภาพ รัฐบาลไทยมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า โดยจัดสรรงบประมาณ 15% ของกองทุนหลักประกันสุขภาพ สำหรับการสร้างเสริมสุขภาพ แม้ว่าจะมีงบประมาณจำกัด โดยเพิ่มการใช้งบประมาณจากภาษีสุราและยาสูบ และสนับสนุนการจัดตั้งกองทุนสุขภาพท้องถิ่น
และ 3. การมีส่วนร่วม หัวใจสำคัญที่ทำให้ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้ามีความยั่งยืน คือ การมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนในทุกระดับ ตามแนวทางประชารัฐ ให้ทุกฝ่ายรู้สึกเป็นเจ้าของและมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง รวมทั้งเน้นการส่งเสริมบริการสุขภาพในระดับมูลฐานที่มีชุมชนเป็นศูนย์กลาง
ประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้ดียิ่งขึ้น ให้ประชากรทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้อย่างเท่าเทียม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเปราะบางและกลุ่มชายขอบ พัฒนานวัตกรรมและนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน ซึ่งไทยพร้อมแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ให้แก่ประเทศต่างๆ นำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสม และจะร่วมมือกับทุกหุ้นส่วน เพื่อขับเคลื่อนให้ประชากรโลกมีสุขภาพที่ดียิ่งขึ้นไปด้วยกัน
ทั้งนี้ ไทยสนับสนุนให้ทุกประเทศบรรลุเป้าหมายของการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า โดยไทยเป็นตัวอย่างของประเทศรายได้ต่อหัวระดับปานกลางที่ประสบความสาเร็จ รวมทั้งส่งเสริมการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่ก่อให้เกิดความเท่าเทียมและไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง มีระบบบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพและธรรมาภิบาล และเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม โดยไทยพร้อมจะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการจัดการบริการสาธารณสุขและการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้ากับประเทศต่างๆ เพื่อให้นำไปประยุกต์ใช้ตามบริบทของแต่ละประเทศ ซึ่งรวมถึงในรูปแบบของความร่วมมือใต้-ใต้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ร่วมผลักดันให้จัดการประชุมระดับสูงว่าด้วยหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งประธานกลุ่มนโยบายต่างประเทศและสุขภาพโลก ในปี 2560 โดยเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2560 ที่ประชุม เต็มคณะของสมัชชาสหประชาชาติ สมัยที่ 72 (UNGA72) ได้รับรองข้อมติที่เสนอให้จัดการประชุมระดับสูงว่าด้วยหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ในปี 2562 เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2561 ที่ประชุมเต็มคณะของสมัชชาสหประชาชาติ สมัยที่ 73 (UNGA73) ได้รับรองข้อมติที่กำหนดให้จัดการประชุมดังกล่าวในวันที่ 23 กันยายน 2562 โดยให้จัดการอภิปรายระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 2 รายการ ในลักษณะคู่ขนานกับการประชุมเต็มคณะด้วยเจตนารมณ์ทางการเมืองต่อการบรรลุหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าในปี ค.ศ. 2030 ควบคู่ไปกับการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในปีเดียวกัน โดยเร่งรัดให้ประเทศต่างๆ เพิ่มความพยายามในการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่มีประสิทธิภาพและมีความยั่งยืนทางงบประมาณ บนพื้นฐานของระบบสาธารณสุขที่แข็งแรง. – สำนักข่าวไทย