ทำเนียบฯ 9 ส.ค.- กระทรวงการต่างประเทศตรียมชี้แจงผลประชามติ-แนวทางเดินหน้าต่อ ให้กับตัวแทนสถานทูต-องค์กระระหว่างประเทศ ที่ประจำอยู่ในประเทศไทย 11 ส.ค.นี้ “ดอน” ตั้งคำถามประเทศที่ไม่ยอมรับผลประชามติไทย ทำไมสองมาตรฐาน ขณะที่ นายกฯ ย้ำสั้นๆ เลือกตั้งปี 60 ไม่เปลี่ยนแปลง
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ กล่าวถึง กรณีที่ต่างประเทศไม่เข้าใจการทำประชามติของไทย แม้ผลจะออกมาว่า ประชาชนส่วนใหญ่เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญ ว่า ไม่มีปัญหา กระทรวงต่างประเทศชี้แจงได้ และคาดว่า วันที่ 11 สิงหาคม นี้ กระทรวงต่างประเทศจะเชิญตัวแทนของสถานเอกอัครราชทูต และองค์กรระหว่างประเทศ ที่ประจำประเทศไทย มาร่วมฟังการชี้แจงผลประชามติ รวมถึง จะมีการชี้แจงแนวทางที่จะต้องเดินหน้าต่อไปตามโรดแมป
“เบื้องต้นมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และตัวแทน กรธ.ร่วมชี้แจง พร้อมเปิดให้ตัวแทนจากประเทศต่างๆ ได้ชักถามข้อสงสัยในประเด็นต่างๆ ให้เกิดความกระจ่างด้วย” นายดอน กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายดอน กล่าวว่า การทำประชามติที่ผ่านมา มีผู้มาใช้สิทธิอย่างไม่เป็นทางการมากถึงร้อยละ 60 ดังนั้น ขอให้นานาประเทศเคารพเสียงประชาชนคนไทย เพราะการทำประชามติก็เป็นมาตราฐานหนึ่ง ที่แสดงออกถึงระบอบประชาธิปไตย อีกทั้ง การเลือกตั้งบางครั้งของไทยในอดีต ยังมีผู้มาใช้สิทธิไม่ถึงร้อยละ 50 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งด้วย
“ไม่ว่าจะสภานการณ์ใด เราต้องเคารพผลที่ออกมา เหมือนกับการทำประชามติในประเทศอื่น เราก็ยอมรับ และไม่มีเหตุผลใด ที่จะไปสร้างความลำบากใจให้เขา เรื่องนี้เป็นเสียงส่วนใหญ่ของคนไทย นานาประเทศต้องเข้าใจด้วย” นายดอน กล่าว
นายดอน กล่าวว่า หลายประเทศแสดงความยินดีผลประชามติที่ออกมา แต่ยังมีบางประเทศที่ตั้งแง่อยู่ เช่น สหรัฐฯ ก็ต้องการย้อนถามกลับไปยังสหรัฐฯ และประเทศที่ยังไม่เข้าใจว่า การทำประชามติที่มีคนมาใช้สิทธิตัดสินใจอนาคตตัวเองมากถึงร้อยละ 60 เหตุใดยังคงมีความไม่สบายกับผลประชามติที่ออกมา
“ผมอยากให้คนไทยที่ไปลงประชามติ ตั้งคำถามไปถึงประเทศเหล่านั้นว่า เหตุใดจึงยังไม่เข้าใจ และทำไมจึงเลือกปฏิบัติว่า รับประชามติของประเทศอื่น แต่ไม่ รับประชามติของประเทศไทย” นายดอน กล่าว
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ให้สัมภาษณ์สั้นๆ ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ (9 ส.ค.) ถึงความชัดเจนเกี่ยวกับโรดแมปเลือกตั้ง ในปี 2560 โดยย้ำว่า ว่า ยังคงเป็นไปตามที่พูดไว้ ไม่เคยเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น .- สำนักข่าวไทย