สมุทรสงคราม 10 ก.ย.-หนุ่มหัวร้อนชกหน้าพระ 3 หมัดบาดเจ็บ ฉุนตีระฆังทำวัตรเย็นเสียงดัง ทำพระทั้งวัดผวา ไม่กล้าตีระฆังอีกเลย สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสมุทรสงครามโร่เคลียร์ เจ้าตัวยอมรับผิดและไหว้ขอโทษ
ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากพระอนุศักดิ์ ฐิตธัมโม อายุ 54 ปี พรรษา 6 พระลูกวัดแม่น้ำ ตำบลบางขันแตก อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม ว่าถูกชาวบ้านที่อาศัยอยู่ข้างวัดชกต่อยใบหน้าได้รับบาดเจ็บ สาเหตุจากการตีระฆังทำวัตรเย็นเสียงดัง เหตุเกิดเมื่อเวลา 17.00 น. เมื่อวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา
พระอนุศักดิ์ เล่าว่า ได้รับมอบหมายจากพระครูสมุห์คุณากร เจ้าอาวาสวัดแม่น้ำ ให้ตีระฆังมาตลอด 6 ปีที่จำพรรษาอยู่ที่วัด เมื่อถึงเวลา 17.00 น. จะตีระฆังเพื่อทำวัตรเย็น ซึ่งต้องตี 9 ครั้ง ในวันเกิดเหตุพอตีระฆังได้สักพักก็มีเสียงตะโกนมาจากด้านล่างหอระฆัง เมื่อตีครบ 9 ครั้ง ก็เดินลงมา และโดนนายพงพัฒน์ เสรีสมนึก อายุ 29 ปี ชาวบ้าน พุ่งมาทำร้าย ชกใบหน้าด้านขวา 3 ครั้ง ทำให้รู้สึกมึน สายตาพร่ามัว และยังพูดจาข่มขู่ด้วยว่าตนเองมีปืน อีก 3 วันมาเจอกัน สร้างความหวาดกลัวให้กับพระในวัด จึงปรึกษากันและเดินทางไปแจ้งความที่ สภ.เมืองสมุทรสงคราม วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือ เพราะตั้งแต่เกิดเหตุทำให้ไม่มีพระรูปใดกล้าตีระฆังอีกเลย
ต่อมานายสมบัติ พิมพ์สอน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสมุทรสงคราม พร้อมเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม เดินทางเข้าพบพระครูสมุห์คุณากร เจ้าอาวาสวัดแม่น้ำ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง และไกล่เกลี่ยวัดกับชาวบ้านอยู่ร่วมกันอย่างสันติ โดยมีพระอนุศักดิ์ และมารดาของนายพงพัฒน์ มาชี้แจงเหตุที่เกิดขึ้น
นายสมบัติ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบของนายพงพัฒน์ ซึ่งเป็นวัยรุ่น ไม่เข้าใจวัตรปฏิบัติของคณะสงฆ์ จึงเกิดการทำร้ายกันขึ้น จึงเชิญผู้ปกครองมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับวัตรปฏิบัติของพระในช่วงเข้าพรรษา ส่วนการทำร้ายร่างกายเป็นหน้าที่ของตำรวจจะดำเนินคดีต่อไป
นอกจากนี้วัดแม่น้ำได้มอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสมุทรสงครามเข้ามาตรวจสอบพื้นที่บริเวณรอบวัดที่มีชาวบ้านมาอาศัยสร้างบ้านในเขตวัด ซึ่งจะตรวจสอบทำให้ถูกต้องตามระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป มั่นใจได้ว่าผู้ก่อเหตุเข้าใจและจะไม่ก่อเหตุซ้ำ พระสงฆ์สามารถตีระฆังประกอบกิจของสงฆ์ต่อไป
จากนั้นนายพงพัฒน์ ผู้ก่อเหตุ เดินทางเข้าพบพระครูสมุห์คุณากร เจ้าอาวาสวัดแม่น้ำ และพระอนุศักดิ์ เพื่อขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยนายพงพัฒน์ยอมรับว่าวันเกิดเหตุเข้าใจผิดว่าพระตำหนิตนเอง จึงเกิดความโมโห .-สำนักข่าวไทย