กทม. 23 ส.ค.- พาไปรู้จัก “พระทองคำ” 2 องค์ที่โด่งดังในเมืองหลวง คือพระพุทธรูปทองคำ วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร และหลวงพ่อทองคำ วัดมหรรณพารามวรวิหาร
พูดถึงพระทองคำในประเทศไทยที่โด่งดัง มีชื่อเสียง และคนจะนึกถึงเป็นที่แรกๆ ก็คงจะหนีไม่พ้น ภายในวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร คือพระพุทธรูปทองคำ หรือ พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร ชื่อดังกล่าวได้มาเมื่อปี พ.ศ.2535 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามให้ มีอายุประมาณ 700 กว่าปีแล้ว พระพุทธรูปทองคำ วัดไตรมิตรฯ เป็นองค์ทองใหญ่ที่สุด หนักถึง 5.5 ตัน และเป็นทองคำบริสุทธิ์ที่สุด จนกินเนสบุ๊กต้องบันทึก
พระทองคำที่นี่ เป็นที่ยอมรับกันว่า งดงามอย่างหาที่ติไม่ได้ พุทธลักษณะสันนิษฐานว่าสร้างในสมัยกรุงสุโขทัย และผู้ที่สร้างพระพุทธรูปทองคำขนาดนี้ได้ก็ต้องเป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคทีเดียว แต่ก็ไม่ปรากฏหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้าง หน้าตักกว้าง 3.10 เมตร สูงจากฐานถึงยอดพระเกตุมาลา 3.94 เมตร ถอดออกได้เป็น 9 ชิ้น มีความบริสุทธิ์ของเนื้อทองจากฐานขององค์พระ 40 เปอร์เซ็นต์ เรื่อยขึ้นไปถึงพระพักตร์มีความบริสุทธิ์ของทอง 80 เปอร์เซ็นต์ ส่วนยอดเป็นทองคำเนื้อแท้ 99.99 เปอร์เซ็นต์ และมีน้ำหนักเฉพาะส่วนยอดนี้ 45 กิโลกรัม
ใน พ.ศ.2533 กินเนสบุ๊กได้บันทึกไว้ว่า พระพุทธรูปทองคำวัดไตรมิตรฯ เป็นพระพุทธรูปทองคำใหญ่ที่สุดในโลก และเป็น “ปูชนียวัตถุที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก” โดยตีราคาไว้ 28.5 ล้านปอนด์ เมื่อเทียบกับราคาทองคำในปัจจุบันคงต้องเปลี่ยนตัวเลขนี้อีกมาก
ปัจจุบัน หลวงพ่อทองคำ กลายเป็นจุดหมายของบรรดานักท่องเที่ยว ซึ่งวันที่เราไป เป็นวันธรรมดา แทบไม่เห็นนักท่องเที่ยวคนไทยเลย หลักๆ ที่มาเยี่ยมชมความงาม คือ นักท่องเที่ยวอินเดีย และเวียดนาม รองมาก็เป็นนักท่องเที่ยวฝรั่งตาน้ำข้าว ส่วนคนจีน หรือญี่ปุ่น จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ในวัดบอกว่า จีนและญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะไปที่พระบรมหาราชวัง ส่วนน้อยที่จะมาที่นี่ ส่วนค่าเข้าชม คนไทยฟรี ต่างชาติคนละ 40 บาท แต่หากจะเข้าไปดูนิทรรศกาล ประวัติหลวงพ่อทองคำต้องเพิ่ม 100 บาท รวมสองอย่าง 140 บาท เปิดทุกวัน 06.00 – 17.00 น.
นอกจากที่วัดไตรมิตรฯ แล้ว ในกรุงเทพฯ ยังมีอีก 1 แห่งที่มีหลวงพ่อทองคำอยู่ที่วัดมหรรณพารามวรวิหาร ตรงข้ามศาลเจ้าพ่อเสือนั่นคือ พระร่วงทองคำ หลวงพ่อทองคำศักดิ์สิทธิ์กลางเกาะรัตนโกสินทร์ใครผ่านไปผ่านมาย่านถนนตะนาวใกล้ศาลเจ้าพ่อเสือ หากกำลังมองหาหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์เพื่อสักการะหรือบนบานศาลกล่าว แนะนำไปไหว้หลวงพ่อพระร่วง พระพุทธรูปทองคำขนาดใหญ่ ที่ประดิษฐานอยู่ในอุโบสถวัดมหรรณพารามวรวิหาร ว่ากันว่าหลวงพ่อองค์นี้มีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย องค์พระประกอบไปด้วยทองคำอร่ามผสมมากถึง 60% ขนาด หน้าตักกว้าง 4 ศอก 7 นิ้ว สูง 5 ศอก 1 คืบ 7 นิ้ว ซึ่งอัญเชิญมาจากวัดโคกสิงคาราม เมืองศรีสัชนาลัย ในรัชกาลที่ 3 รุ่นราวคราวเดียวกับพระทองคำวัดไตรมิตร อยู่ที่วัดมหรรณ มา 163 ปีแล้ว
ความศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระถือว่ามีมาก เพราะท่านเป็นที่พึ่งทางใจแก่ชาวไทยและชาวจีนมิใช่น้อย ใครมาบนบานก็มักจะได้อย่างที่หวังจนเลื่องลือไปทั่ว แต่ถ้าใครไม่มีเรื่องจะบนบานจะมาไหว้เพื่อเป็นสิริมงคลก็สามารถทำได้
ด้วยพุทธานุภาพอันเกิดจากความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อพระร่วง การบนบานนั้น จึงมักจะสำเร็จผลตามความประสงค์เป็นส่วนมาก ทำให้มีผู้นิยมนับถือท่านมากทั้งชาวไทยและชาวจีน เกิดเดือดร้อนขึ้นมาก็หันหน้าเข้าวัดบนบานให้ท่านช่วย ของเซ่นที่ท่านชอบก็ไม่เหมือนที่อื่นๆ เป็นเพียงตะกร้อ ว่าวจุฬา ว่าวปักเป้า หรือพวงมาลัยเท่านั้น เมื่อก่อนนี้ทางวัดไม่ได้เปิดให้คนเข้านมัสการภายในวิหาร ผู้ประสงค์จะไหว้อยู่แต่ภายนอกวิหารเท่านั้น แต่นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2497 เป็นต้นมา จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ ทางวัดได้เปิดให้คนเข้านมัสการภายในพระวิหารได้ทุกโอกาสและเปิดเป็นประจำทุกวัน
แม้จะยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว หรือแม้แต่คนไทยด้วยกันเองก้รู้จักน้อย แต่ในจำนวนที่ว่าน้อย มีหนึ่งคนที่หากเอ่ยชื่อไปทุกคนต้องร้องอ๋อ คือ ลุงตู่ ที่นับถือ หลวงพ่อพระร่วง อย่างมาก เมื่อตอนเป็น ผบ.ทบ. ท่านมาที่วัด แล้วก็ทราบว่าที่นี่มีพระทองคำ ก็สั่งให้ทหารมาบูรณะวัด ทาสีใหม่ให้สวยงาม พร้อมกับมาเป็นประธานทอดกฐินด้วย ไม่รู้ว่าลุงขอพรอะไรไป เพราะปีถัดมาเกิดรัฐประหารเลย วัดมหรรณพารามวรวิหาร ไม่มีวัตถุมงคล เกี่ยวกับหลวงพ่อพระร่วงวัดเปิดให้สักการะองค์หลวงพ่อได้ทุกวัน ตั้งแต่ 09.00 – 17.00 น..-สำนักข่าวไทย