นนทบุรี 20 ส.ค. – พาณิชย์ติดตามสถานการณ์ข้าวเหนียวอย่างใกล้ชิด คุมเข้มห้ามค้ากำไรเกินควร เชื่อปลายเดือน ต.ค.คลี่คลาย
นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า จากที่มีกระแสข่าวชาวภาคเหนือเรียกร้องภาครัฐควบคุมราคาข้าวเหนียว กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายในขอชี้แจงว่าปัจจุบันสถานการณ์ข้าวเหนียวโดยรวมตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 ถึงสิงหาคม 2562 ราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งราคาข้าวเปลือกเหนียวและราคาข้าวสารเหนียว
สำหรับราคาข้าวเปลือกเหนียว ปี 2561 เฉลี่ยอยู่ที่ 9,549 บาท/ตัน และทยอยปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ 13,900 – 17,600 บาท/ตัน ณ วันที่ 16 สิงหาคม 2562 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 59.90% (ณ 16 ส.ค. 2561 ราคา 9,000 – 10,700 บาท/ตัน) ส่วนราคาข้าวสารเหนียว ปี 2561 เฉลี่ยอยู่ที่ 19,610 บาท/ตัน และทยอยปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ 38,500 – 38,600 บาท/ตัน ณ วันที่ 16 สิงหาคม 2562 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 98.20% (ณ 16 ส.ค. 2561 ราคา 19,400 – 19,500 บาท/ตัน)
นายวิชัย กล่าวว่า พื้นที่เป้าหมายปลูกข้าวเหนียวปี 2562/2563 จำนวน 16.172 ล้านไร่ คาดการณ์ปริมาณผลผลิต ปี 2562/63 อยู่ที่ 6.142 ล้านตัน แต่จากภาวะภัยแล้งทำให้เกิดความเสียหายกว่า 600,000 ไร่ ส่งผลกระทบต่อปริมาณการผลิต ทำให้ผลผลิตลดลงและส่งผลให้การส่งออกลดลง โดยช่วงเดือนมกราคม-กรกฎาคม 2562 มีปริมาณการส่งออกอยู่ที่ 61,370 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่ 119,671 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่การส่งออกโดยรวมจะมีปริมาณไม่มากปีละประมาณ 200,000 ตัน โดยผลผลิตข้าวเหนียวส่วนใหญ่ใช้บริโภคภายในประเทศ
ทั้งนี้ จากสถานการณ์ปัจจุบันที่ข้าวเหนียวมีราคาเพิ่มสูงขึ้นมาก มีหลายปัจจัย ทั้งจากปัญหาภัยแล้ง ส่งผลกระทบให้ผลผลิตข้าวเหนียวทั้งนาปีและนาปรังที่ผ่านมามีปริมาณน้อยกว่าทุกปี ประกอบกับเป็นช่วงรอยต่อของฤดูกาล ข้าวเก่าเหลือน้อย ข้าวใหม่ก็ยังไม่ถึงเวลาเก็บเกี่ยว และภาครัฐระบายข้าวในสตอกหมด ส่งผลให้ช่วงนี้ข้าวเหนียวขาดแคลนอย่างมาก ชาวนาก็เก็บไว้บริโภคเอง เนื่องจากคาดว่าผลผลิตจะมีปริมาณน้อยมาก ถ้าไม่จำเป็นจะไม่นำออกขาย ด้านผู้ประกอบการโรงสีก็ต้องการรับซื้อข้าวเพื่อเก็บไว้ในสตอกและแปรรูป เพื่อจำหน่าย ซึ่งผลผลิตที่ขาดแคลนทำให้ผู้ประกอบการหลายรายต้องปิดการจำหน่าย แต่หากมีสินค้าก็ต้องจำกัดโควตาให้ผู้รับซื้อ เพื่อปันส่วนของสินค้าให้เพียงพอต่อความต้องการและกระจายได้อย่างทั่วถึง อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน 2562 ผลผลิตข้าวนาปีฤดูกาลใหม่ปี 2562/2563 จะเริ่มออกสู่ตลาด ราคาข้าวเหนียวน่าจะปรับตัวลดลง ซึ่งคาดว่าสถานการณ์ทั้งด้านราคาและปริมาณผลผลิตที่ขาดแคลนจะค่อย ๆ คลี่คลายลง
อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค กรมการค้าภายในได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เกิดการเก็งกำไร และค้ากำไรเกินควร รวมทั้งจะกำกับดูแลไม่ให้เกิดการกักตุนสินค้า และตั้งราคาสูงโดยไม่สอดคล้องกับต้นทุน โดยขอความร่วมมือผู้ประกอบการโรงสีจำหน่ายสินค้าในราคาสอดคล้องกับต้นทุนไม่เอาเปรียบผู้ซื้อและผู้บริโภค รวมถึงหากจำเป็นจะดำเนินการตรวจสอบสตอกสินค้า หากพบการกระทำความผิด เช่น มีการกักตุนสินค้า หรือตั้งราคาสูงเกินสมควร ขอให้แจ้งได้ที่สายด่วน 1569 กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย