หอประชุม ทีโอที แจ้งวัฒนะ 25 ก.ค.-นายกรัฐมนตรี ให้ความเชื่อมั่นต่อที่ประชุมร่วมรัฐสภา ภาคการท่องเที่ยวปี 2562 จะขยายตัว ร้อยละ 9.5 คาดสร้างรายได้สูงถึง 3.8 ล้านล้านบาท
บรรยากาศการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา หลังนายพรเพชร วิชิตชลชัย ทำหน้าที่ประธานในการประชุม สั่งพักการประชุม 10 นาที และได้เชิญพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียาเวช หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ออกจากห้องประชุม เนื่องจากนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ขอให้ประธานควบคุมและพิจารณาการประท้วงให้ศักดิ์สิทธิ์ โดยพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ ย้ำว่า ชาวบ้านพูด เอามาเล่าสู่กันฟังเท่านั้นเอง ขณะนายพรเพชร ขอให้ถอนคำพูด เพราะเป็นการเอาพูดคนอื่นมาเสมือนว่าตนเองพูดเอง แต่พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ ยืนยันไม่ถอนคำพูด ทำให้นายพรเพชร ใช้สิทธิ์เชิญ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ ออกจากห้องประชุม เพราะไม่ถอนคำพูดขัดข้อบัคับการประชุม
จากนั้นก็กลับเข้าสู่การอภิปราย โดยการนายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา อภิปรายถึงปัญหาทางการเมืองระยะเวลาหลายสิบปี ที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ ซึ่งต้องเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการท่องเที่ยว รวมถึงการวางรากฐานเกี่ยวกับโซเชียล และอยากให้ดูแลเกี่ยวกับการส่งออกและค่าเงินบาท ซึ่งประชาชนอยากเห็นการอภิปรายนโยบายรัฐบาลที่ลงรายละเอียด มากกว่าการโต้กันไปกันมา และกล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าต้องดูระยะเวลาที่เหมาะสม ต้องดูกันในระยะยาว ยืนยันการทำหน้าที่ของ ส.ว.ที่ทำงานร่วมกันกับทุกฝ่าย พร้อมตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล และชื่นชมหากมีผลงานเพื่อประชาชน
ด้านนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจง พร้อมน้อมรับทุกคำอภิปราย และชี้ถึงปัญหาของประเทศที่ทำมากกว่าการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า คือการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง โดยยกตัวอย่าง การแก้ไขวิกฤตต้มยํากุ้งที่ต้องใช้เวลาถึง 4 ปี ย้ำว่าการขับเคลื่อนประเทศต้องมีนโยบายระยะยาวบนพื้นฐานที่แข็งแกร่งและยั่งยืน แต่ด้วยภาวะทางการเมืองที่เปลี่ยนแปลงบ่อย นโยบายส่วนใหญ่จึงเป็นนโยบายระยะสั้นเพื่อเรียกคะแนนนิยม โอกาสในการพัฒนาประเทศจึงยากมาก
ส่วนที่ระบุว่า 5 ปีที่ผ่านมาไม่มีผลงาน นายสมคิด ชี้แจงว่า รัฐบาลชุดที่แล้วพยายามใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงต้น ซึ่งหลายโครงการก็มีการสานต่อทั้งกองทุนหมู่บ้าน โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคที่พัฒนาให้ดีขึ้น แต่ไม่ได้สานต่อโครงการจำนำข้าวเพราะส่งผลกระทบต่อประเทศ พร้อมชี้ถึงตัวเลขการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นต่อเนื่องจนจากร้อยละ 1 มาถึงร้อยละ 4.8 ในไตรมาสแรกของปี 2561 แต่ที่ปัญหาการส่งออกหดตัวช่วงนี้ เป็นผลกระทบจากปัญหาทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา ที่ส่งผลกระทบถึง supply chain ทั่วโลก
ขณะที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงถึงนโยบายด้านการท่องเที่ยว โดยคาดการณ์ว่าปี 2562 การท่องเที่ยวของประเทศจะสร้างรายได้สูงถึง 3.8 ล้านล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 9.5 จากปีที่แล้ว คาดการณ์ว่าจะมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2.21 ล้านล้านบาท และรายได้จากนักท่องเที่ยวในประเทศ จะอยู่ที่ 1.17 ล้านล้านบาท
นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา อภิปรายถึงนโยบายด้านเศรษฐกิจว่า สนับสนุนนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ช่วยเรื่องค่าครองชีพของประชาชนผู้มีรายได้น้อย แต่อยากเสนอแนะให้รัฐบาล มีมาตรการส่งเสริมให้คนมีงานทำ มีรายได้ หรือเป็นพ่อค้า เพื่อให้ประชาชนสามารถเลี้ยงชีพได้อย่างยั่งยืน.-สำนักข่าวไทย