นครราชสีมา 13 มิ.ย.-สาววัย 18 เมาเหล้า ถือมีดพร้าด้ามยาวบุกอาละวาดข่มขู่ทำร้ายแพทย์พยาบาลในห้องฉุกเฉิน พนักงานสอบสวนแจ้งดำเนินคดี 5 ข้อหา
เวลา 14.00 น. วันนี้ (13 มิ.ย.) จากกรณีสาวอายุ 18 ปี พกอาวุธมีดพร้าด้ามยาวครึ่งเมตร มีอาการเมาสุราบุกเข้าไปอาละวาดข่มขู่ทำร้ายแพทย์พยาบาลในห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลพลสงคราม อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา สร้างความแตกตื่นหวาดกลัวแก่เจ้าหน้าที่และผู้ป่วยที่มารับบริการ เหตุเกิดช่วงบ่ายวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุตำรวจ สภ.พลสงคราม เข้ามาระงับเหตุ พร้อมควบคุมตัวผู้ก่อเหตุมาสงบสติอารมณ์และดำเนินคดี
นายบรรจง รวมพล ผู้อำนวยการ รพ.สต.พลสงคราม เล่าเหตุการณ์ว่า หญิงสาว 18 ปี มีบาดแผลขนาดเล็กที่นิ้วมือ มีอาการคล้ายเมาสุรา มารับบริการล้างทำแผล ขณะพยาบาลล้างแผลให้ ก็เริ่มเอะอะโวยวาย อ้างว่าพยาบาลทำแรงจนเจ็บ จึงไม่พอใจ และไม่ยอมลุกออกจากเตียงผู้ป่วย พยาบาลจึงแจ้งว่า ถ้าไม่ยอมรักษาต่อ จะขอไปให้บริการผู้ป่วยคนอื่นที่รอคิวอยู่ จึงเกิดการด่าทอถ้อยคำหยาบคาย ทุบทำลายอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ ตนเองจึงเข้ามาดูเหตุการณ์ แต่ก็ไม่สามารถระงับเหตุการณ์ได้
จากนั้นหญิงสาวได้กลับไปเอามีดพร้าด้ามยาว เข้ามาในห้องฉุกเฉินอีกรอบ เมื่อพยาบาลเห็นจึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจ ขณะนั้นหญิงวัย 18 ปี มีท่าทีโมโหร้าย ขู่ฆ่าเจ้าหน้าที่ทุกคน ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ ท่ามกลางความโกลาหล ทั้งเจ้าหน้าที่พยาบาล ผู้ป่วย พากันแตกกระเจิงด้วยความกลัว กระทั่งมีตำรวจเข้ามาระงับเหตุ พาตัวไปโรงพัก
ผอ.รพ.สต. กล่าวว่า หลังเกิดเหตุมีอุปกรณ์เครื่องตรวจวัดความดันเลือด ถูกโยนกระแทกพื้นพังเสียหาย 1 เครื่อง ไม่สามารถนำกลับมาให้บริการได้ และอยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หามาตรการป้องกันเหตุอย่างจริงจัง เพราะเจ้าหน้าที่ทุกคนรู้สึกหวาดกลัวและเสียขวัญเป็นอย่างมาก
ด้าน พ.ต.ท.สิทธิชัย สุนารักษ์ สารวัตรใหญ่ สภ.พลสงคราม เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนแจ้งดำเนินคดีต่อ นางสาวชนิดา บุนรองเรือง อายุ 18 ปี 5 ข้อหา ประกอบด้วย ทำให้เสียทรัพย์ บุกรุกสถานที่ราชการโดยมีอาวุธ พกพาอาวุธในสถานที่ราชการ สูบบุหรี่ในสถานที่ราชการ และเมาสุราแล้วอาละวาดในสถานที่ราชการ ขณะนี้ได้ส่งตัวผู้ต้องหาฝากขังที่ศาลจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งศาลส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำหญิงคลองไผ่ จากนั้นจะได้สอบปากคำพยานเพิ่มเติม หากพบความผิดในข้อหาอื่น ก็จะแจ้งดำเนินคดีเพิ่มเติมอีก ย้ำว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตำรวจเข้าไประงับเหตุและจับกุมผู้ก่อเหตุได้ทันที โดยไม่มีเหตุรุนแรงบานปลาย.-สำนักข่าวไทย