ศูนย์ฯ สิริกิติ์ 21 ส.ค. – นายพิชิต อรุณพัลลภ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน กล่าวว่า ความต้องการสร้างบ้านตามแบบที่เลือกเอง นอกจากโครงการแนวดิ่งและแนวราบแต่ละปีมีสัดส่วนสูงมาก หลังจากผู้ประกอบการ นักลงทุน และประชาชนกังวลจากปัญหาการเมือง แต่เมื่อร่างรัฐธรรมนูญผ่านการลงประชามติไปแล้วในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้าจะมีการตัดสินใจลงทุนเพิ่มขึ้นอีกมากถึงร้อยละ 20 จึงทำให้ไตรมาสสุดท้ายปีนี้ธุรกิจรับสร้างบ้านจะคึกคักไปด้วย
ทั้งนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาแม้จะมีปัญหาความผันผวนทางการเมืองและเศรษฐกิจชะลอตัว ธุรกิจรับสร้างบ้านจะได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย เมื่อทุกอย่างคลี่คลาย จึงกลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 12,000 ล้านบาท ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งประเทศประมาณ 50,000 ล้านบาท การรับสร้างบ้านในภาคอสังหาริมทรัพย์มีส่วนแบ่งทางการตลาดที่อยู่อาศัยประมาณร้อยละ 20 การรับสร้างบ้านในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล ส่วนใหญ่เป็นบ้าน 2-3 ชั้น ปัจจุบันมีแนวโน้มทำแนวดิ่งให้มีบ้านแนวสูงรองรับครอบครัวขนาดใหญ่ เพราะราคาที่ดินสูงขึ้น
จากปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยต่ำ ราคาน้ำมันทรงตัวระดับไม่สูงนัก ต้นทุนวัสดุก่อสร้างทรงตัวมีบางตัวลดลง จึงเป็นปัจจัยให้ตัดสินใจลงทุนสร้างบ้านในช่วงนี้และบางตัวอาจปรับสูงขึ้นปีหน้า เนื่องจากปัญหาแรงงาน และราคาน้ำมันอาจขยับขึ้นบ้างเล็กน้อยปีหน้าและเมื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐเริ่มลงทุนจะทำให้ภาคก่อสร้างเติบโตตามไปด้วย.-สำนักข่าวไทย