กรุงเทพฯ 13 เม.ย.- คสช.ดูแลประชาชนสืบสานประเพณีสงกรานต์ เตือนไม่เล่นน้ำนาน หลายพื้นที่เสี่ยงเกิดพายุฤดูร้อน ส่วนมาตรการ “ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ” ขณะนี้ยึดรถไปแล้ว 991 คัน
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรองโฆษกกองทัพบก ระบุว่า ตลอด 2 วันที่ผ่านมา ประชาชนร่วมสืบสานงานประเพณีสงกรานต์ ทำบุญตักบาตร การละเล่นท้องถิ่น ที่หลายภาคส่วนร่วมกันจัดขึ้นอย่างงดงามเรียบร้อย บางพื้นที่เริ่มกิจกรรมเล่นน้ำสงกรานต์ โดยเฉพาะในวันนี้ (13 เม.ย.) การจัดกิจกรรมเล่นน้ำตามถนนสายสำคัญในเมืองใหญ่ เริ่มคึกคักขึ้นทั่วประเทศ คาดว่าจะมีประชาชนร่วมงานอย่างหนาแน่น ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง จะร่วมกับผู้จัดงาน ดูแลภาพรวมการจัดงานให้เรียบร้อย ทั้งเรื่องการอำนวยความสะดวกผู้มาร่วมงาน การรักษาความปลอดภัย การสืบสานประเพณีอันดีงาม ป้องปรามมิจฉาชีพ เป็นต้น
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวว่า ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเตือนสภาพอากาศ วันที่ 13-16 เมษายน 2562 ที่อาจเกิดพายุฤดูร้อน ฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคเหนือ และภาคกลางบางจังหวัดนั้น ขอให้ประชาชนระมัดระวังในการเดินทาง ท่องเที่ยว และหลีกเลี่ยงการเล่นน้ำเป็นเวลานานในสภาพอากาศที่ร้อนจัด หรืออยู่ในบริเวณงานที่มีผู้ร่วมงานเป็นจำนวนมาก เพราะอาจส่งผลต่อสุขภาพได้ ทั้งนี้ หากเกิดความเสียหายจากพายุฝน หรือมีอุบัติภัยเกิดขึ้น ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก พร้อมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง พร้อมเข้าพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนทันที
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ ยังกล่าวถึงมาตรการ “ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ” เพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุ ในวันที่ 12 เมษายน 2562 ว่า พบผู้กระทำผิดในลักษณะที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุโดยประมาท ดังนี้ รถจักรยานยนต์ พบการกระทำความผิด 22,184 ครั้ง เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องเก็บรักษารถจักรยานยนต์ไว้ 554 คัน ยึดใบขับขี่ 3,004 คน สำหรับรถโดยสารสาธารณะ/รถยนต์ส่วนบุคคล พบการกระทำความผิด 16,062 ครั้ง เจ้าหน้าที่เก็บรักษารถยนต์ 235 คัน ยึดใบขับขี่ไว้ 2,084 คน โดยตลอด 2 วันที่ผ่านมา (11-12 เม.ย.62) เจ้าหน้าที่ได้เก็บรักษารถที่ฝ่าฝืนมาตรการดื่มไม่ขับไว้แล้ว 991 คัน (แยกเป็น รถจักรยานยนต์ 712 คัน และรถยนต์ 279 คัน) ยึดใบขับขี่ 5,229 คน (รถจักรยานยนต์ 3,024 คน และรถยนต์ 2,205 คน) และดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด 31,392 คน (แยกเป็น รถจักรยานยนต์ 19,158 คน และรถยนต์ 12,234 คน).-สำนักข่าวไทย