จาการ์ตา 9 เม.ย.- หลายฝ่ายยอมรับว่า การซื้อเสียงยังคงเป็นปัญหาใหญ่ของการเลือกตั้งอินโดนีเซียที่จะมีขึ้นในวันที่ 17 เมษายนนี้ ล่าสุดเพิ่งมีสมาชิกสภาคนหนึ่งถูกจับพร้อมซองจำนวนมากที่ใส่เงินสดเป็นธนบัตรฉบับย่อยรวม 8,000 ล้านรูเปียห์ (ราว 18 ล้านบาท)
นักวิจัยของกลุ่มจับตาทุจริตอินโดนีเซีย (Indonesia Corruption Watch) กล่าวถึงคดีของนายโบโว วิดิก ปังการ์โซ สมาชิกสภาที่ถูกควบคุมตัวเมื่อเดือนก่อนข้อหายักยอกเงินบริษัทปุ๋ย และเจ้าหน้าที่พบกล่องจำนวนมากบรรจุซองใส่เงินสดเป็นธนบัตรย่อยว่า เป็นสิ่งยืนยันว่าการเมืองและการทุจริตยังคงมีความเกี่ยวโยงกันอย่างใกล้ชิด ผู้สมัครทุจริตต้องแจกเงินให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้หวังซื้อเสียงประชาชน โดยมักทำในคืนก่อนวันเลือกตั้ง หรือที่เรียกว่าคืนหมาหอน หวังเปลี่ยนใจคนรับเงินให้ลงคะแนนให้ ผู้สมัครไม่มีชื่อเสียงและผู้สมัครเจ้าของพื้นที่เดิมที่ไม่ค่อยพบปะประชาชนมักใช้วิธีซื้อเสียงมากกว่าโหมประชาสัมพันธ์ตัวเอง ขณะที่ประชาชนมองว่าเป็นโอกาสเดียวที่จะได้เงินหรือข้าวของ เพราะหลังวันเลือกตั้งผู้สมัครเหล่านี้ก็จะไม่มาให้เห็นหน้าอีก
สมาชิกสภาวัย 37 ปีคนหนึ่งเผยว่า เจอเรื่องนี้กับตัวเมื่อครั้งลงเลือกตั้งครั้งแรกในปี 2557 ชาวบ้านหลายคนถามเขาตรง ๆ ว่าจะให้เงินเท่าไหร่ แม้แต่ครอบครัวนักการเมืองยังเรียกรับเงินด้วย กลายเป็นสังคมที่ทำอะไรต้องได้สิ่งตอบแทนไปแล้ว มีการประเมินว่า การเลือกตั้งครั้งก่อนผู้มีสิทธิเลือกตั้งถึงหนึ่งในสามถูกคนขอซื้อเสียง ผู้สมัครบางคนอ้างว่าให้เงินเพื่อให้ผู้ที่เป็นฐานเสียงอยู่แล้วออกไปใช้สิทธิเท่านั้น บางคนยอมรับว่า จ้างนายหน้าอิสระไปซื้อเสียงแกนนำฐานเสียงคู่แข่งที่พร้อมลงคะแนนให้ใครก็ตามที่จ่ายสูงกว่า
การเลือกตั้งวันที่ 17 เมษายนนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์อินโดนีเซียที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดี รองประธานาธิบดี และสมาชิกสภาที่ปรึกษาประชาชนซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและสภาผู้แทนท้องถิ่น พร้อมกัน มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 192 ล้านคนจากประชากรทั้งประเทศเกือบ 269 ล้านคน และมีผู้สมัครรับเลือกตั้งมากเป็นประวัติการณ์ถึง 245,000 คน.- สำนักข่าวไทย