หน.คสช.ใช้อำนาจ ม.44 สั่งนำรถยนต์ออกจากเขตปลอดอากร

กรุงเทพฯ 25 ส.ค. –  ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 51/2559  ให้นำรถยนต์ สินค้าและสิ่งของ ออกจากเขตปลอดอากรหรือเขตประกอบการเสรี เพื่อใช้หรือจำหน่ายในประเทศ ผ่านการชำระภาษีอากรให้ถูกต้อง หรือส่งออกไปนอกประเทศ ภายใน 90 วันนับแต่วันที่คำสั่งนี้มีผลใช้บังคับ  เพราะได้กำหนดการให้นำรถยนต์ใหม่สำเร็จรูปตามประเภทพิกัดศุลกากร 8702, 8703  ซึ่งจัดเก็บในเขตปลอดอากรหรือเขตประกอบการเสรี เป็นระยะเวลาเกิน  2 ปี หรือรวมกันแล้วเกิน  2 ปี แล้วแต่กรณี  ก่อนคำสั่งนี้มีผลบังคับใช้  โดยเป็นของที่ยังไม่ได้ตรวจปล่อยออกไป


หากนำรถยนต์หรือของที่จัดเก็บอยู่ในเขตพื้นที่ดังกล่าวออกมาจะช่วยลดภาระงบประมาณหลายพันล้านบาทต่อปี และก่อให้เกิดรายได้แก่รัฐอีกทางหนึ่ง อีกทั้งรถยนต์บางประเภทที่จัดเก็บอยู่ยังสามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ทางราชการในการบริการสาธารณะหรือเพื่อป้องกันบรรเทาสาธารณภัยให้แก่ประชาชนได้อีกด้วย  นอกจากนี้ ยังมีเครื่องจักร อุปกรณ์ เครื่องมือ และเครื่องใช้ รวมทั้งส่วนประกอบจำเป็นในอุตสาหกรรมหรือพาณิชยกรรม  รวมถึงรถดับเพลิง รถกู้ภัย รถไฟส่องสว่าง และรถบรรทุก  ซึ่งนำเข้าเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ของ สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร ทางท่าเรือแหลมฉบัง เมื่อวันที่ 27 มกราคม  2549 จำนวน 176 คัน และวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2550 จำนวน 139 คัน

ถือเป็นยุทธภัณฑ์ที่ผู้นำของเข้ารับไว้ใช้ในราชการ เพื่อการบรรเทาสาธารณภัยตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมยุทธภัณฑ์  เนื่องจากปัจจุบันมีรถยนต์และสินค้าจัดเก็บในเขตปลอดอากร จัดเก็บไว้เป็นเวลานานหลายปี  จึงเป็นภาระด้านค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บรักษา ทั้งรถยนต์และสิ่งของ  จนทำให้เสื่อมสภาพ เสื่อมราคาและเสื่อมประโยชน์ไปเรื่อย ๆ อันส่งผลกระทบต่อภาระงบประมาณ  เพราะยังมีรถยนต์บางประเภทของส่วนราชการนำเข้ามาใช้ประโยชน์ แต่ต้องเก็บรักษาไว้ เพราะจนบัดนี้คดีสิ้นสุดลงแล้ว  ยังไม่นำรถยนต์ดังกล่าวออกมาใช้งาน จนต้องเสียค่าใช้จ่ายเก็บรักษาจำนวนมาก หากไม่นำมาซ่อมบำรุงจะเสียประโยชน์ เสียงบประมาณหลายพันล้านบาท.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Taiwanese actress Barbie Hsu, who died of influenza at 48 sepia

“ซันไช่” นางเอกจาก F4 ซีรีส์ดังไต้หวันเสียชีวิตแล้ว

ไทเป 3 ก.พ.- ต้าเอส หรือที่ผู้ชมรู้จักในบทบาท “ซันไช่” นางเอกจากเรื่องรักใสใส หัวใจสี่ดวง (Meteor Garden) ซีรีส์ดังของไต้หวันในช่วงปี 2544 เสียชีวิตในวัย 48 ปี เพราะอาการแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่ ต้าเอสหรือบาร์บี สวี มีชื่อจริงว่า สวี ซีหยวน เป็นที่รู้จักไปทั่วเอเชียจากซีรีส์ดังที่คนมักเรียกกันสั้น ๆ เอฟ 4 (F4) มีข่าวลือแพร่สะพัดในโลกออนไลน์เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ว่า เธอเสียชีวิตแล้ว และยิ่งเป็นกระแสหนักขึ้นไปอีกเมื่อนายหวัง เสี่ยวเฟย อดีตสามีที่เป็นนักธุรกิจได้เปลี่ยนรูปโพรไฟล์ในสื่อสังคมออนไลน์เป็นสีดำ และในเช้าวันนี้น้องสาวของเธอ สวี ซีตี้ ที่รู้จักในวงการบันเทิงว่า เสี่ยวเอส ยืนยันด้วยการส่งถ้อยแถลงถึงสถานีโทรทัศน์ทีวีบีเอส นิวส์ (TVBS News) ว่าพี่สาวของเธอถึงแก่กรรมเพราะปอดอักเสบที่เป็นอาการแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่ ต้าเอสเกิดเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 เริ่มเข้าวงการในฐานะศิลปินคู่กับเสี่ยวเอสในชื่อวง เอสโอเอส  “S.O.S” เมื่อปี 2537 เธอมีลูก 2 คนกับอดีตสามี […]

“เต้ มงคลกิตติ์” หอบกล้องวงจรปิด 34 จุดคดี “แตงโม” มอบดีเอสไอ

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เข้าพบ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนข้อเท็จจริงคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม เพื่อมอบหลักฐานและให้ข้อมูลดีเอสไอ หลังรับเป็นเลขสืบสวนที่ 20/2568

“อนุทิน” ยังไม่รู้ ปม “โจ้มหาเฮง” แจ้งความเอาผิดคุณนายผู้ว่าฯ เบี้ยวค่าสลาก

“อนุทิน” บอกยังไม่รู้ ปม “โจ้มหาเฮง” แจ้งความเอาผิดคุณนายผู้ว่าฯ เบี้ยวเงินค่าสลาก ชี้หากจริง ผู้ว่าฯ เหนื่อยแน่

ข่าวแนะนำ

สมช.เคาะพรุ่งนี้ 9 โมง! ตัดไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมัน 5 จุด

สมช.เคาะตัดไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมัน 5 จุดในเมียนมา โยงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พรุ่งนี้ 09.00 น. เชื่อ เข้าใจหลังมีการหารือแจ้งให้เตรียมความพร้อมแล้ว ย้ำ ไม่แทรกแซงเรื่องภายใน

ผบช.ภ.2 สั่งย้าย ผกก.สภ.องครักษ์ เซ่นปม จนท.บุกทลายบ่อน

รมว.มหาดไทย ชื่นชมชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง บุกทลายบ่อนนครนายก ขณะที่ ผบช.ภ.2 สั่งย้ายผู้กำกับการ สภ.องครักษ์ เซ่นปมบ่อน พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ใครบกพร่อง-รับผลประโยชน์ ยืนยันเอาผิดไม่มีละเว้น

ตร.เชื่อชิงทอง 113 บาท ก่อเหตุคนเดียว วางแผนมาอย่างดี

เหตุคนร้ายชิงทองในร้านทองกลางห้างดัง ย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี ได้ทองรูปพรรณ 113 บาท มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท ตำรวจเชื่อคนร้ายก่อเหตุเพียงคนเดียว และวางแผนมาเป็นอย่างดี