กรุงเทพฯ 28 มี.ค. – แม้กระแสการเลือกตั้งครั้งนี้จะมาแรง และคนหันมาตื่นตัวมากขึ้น แต่เพราะเหตุใดวันเลือกตั้งจริง 24 มีนาคมที่ผ่านมา ตัวเลขผู้มาใช้สิทธิกลับไม่คึกคักอย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้
ย้อนไปในการเลือกตั้งเมื่อปี 2554 มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งกว่าร้อยละ 75 จากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 46 ล้านคน หลังจากว่างเว้นการเลือกตั้งมา 8 ปี กระแสตื่นตัวมีมาก โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ แต่ผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งรอบนี้กลับอยู่ในเปอร์เซ็นต์ใกล้เคียงกัน คือ ร้อยละ 74 จากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 51 ล้านคน ทั้งที่คนมาเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตกันอย่างล้นหลาม
นางสดศรี สัตยธรรม อดีต กกต. มองว่า เหตุที่ทำให้จำนวนผู้มาใช้สิทธิไม่มากไปกว่าปี 2554 ทั้งที่กระแสมาแรง อาจเป็นเพราะความไม่ชัดเจนของระบบการเลือกตั้ง ที่ทำให้เลือกได้ยาก และเลือกได้ไม่ตรงใจ
เช่นเดียวกับนักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ ที่มองว่า เลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ใช่แค่เลือกผู้แทน แต่เป็นการเลือกนายกรัฐมนตรีด้วย อีกทั้งเลือกตั้งล่วงหน้า แม้จะคึกคัก แต่คนอาจเห็นปัญหาของการบริหารจัดการการเลือกตั้ง ที่ทำให้ต้องต่อแถวรอคิวนาน อาจทำให้เพิกเฉยได้
เลือกตั้งครั้งนี้อาจเป็นกรณีศึกษาสำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ว่า การเลือกตั้งครั้งต่อไป จะทำอย่างไรให้กระแสตื่นตัวทางการเมืองช่วยผลักดันให้เปอร์เซ็นต์คนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งพุ่งสูงขึ้น. – สำนักข่าวไทย