กกต. 20 ก.พ.-กกต.พบพรรคการเมืองแอบแก้ไขข้อมูลในระบบฐานข้อมูลสมาชิก เพื่อให้มีคุณสมบัติครบในการลงสมัครรับเลือกตั้ง กกต.เตรียมพิจารณาดำเนินคดี 40 ผู้สมัคร ส.ส.จาก 12 พรรค
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่ประกาศรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ในระบบแบ่งเขตเลือกตั้งและในระบบบัญชีรายชื่อ 107 ราย เนื่องจากขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามในการรับสมัคร โดยส่วนใหญ่เป็นเรื่องการไม่จัดตั้งสาขาพรรคหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด การเป็นสมาชิกพรรคการเมืองซ้ำซ้อน และสังกัดพรรคการเมืองไม่ครบ 90 วัน ซึ่งผู้สมัครอยู่ในระหว่างการยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาเพื่อขอคืนสิทธิการเป็นผู้สมัคร
ทั้งนี้มีรายงานว่า สำนักงาน กกต.ได้ตรวจสอบพบว่า ในจำนวนผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต 389 รายที่ กกต.ไม่ประกาศรายชื่อนั้น มี 38 ราย ที่พรรคการเมืองต้นสังกัดของผู้สมัครได้มีการเข้าไปแก้ไขระยะเวลาการเข้าเป็นสมาชิกพรรคของผู้สมัครตนในระบบฐานข้อมูลสมาชิกพรรคหลังการปิดรับสมัคร เพื่อให้ผู้สมัครของตนเป็นผู้มีคุณสมบัติและได้รับการประกาศชื่อ แยกเป็นของพรรคเพื่อแผ่นดิน 8 คน , พรรคเศรษฐกิจใหม่ 2 คน , พรรคไทยศรีวิไลย์ 1 คน , พรรคครูไทยเพื่อประชาชน 4 คน , พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล 1 คน , พรรคประชาชนปฏิรูป 1 คน , พรรคประชาธรรมไทย 1 คน , พรรคพลังท้องถิ่นไท 11 คน , พรรคพลังปวงชนไทย 3 คน , พรรคภารดรภาพ 1 คน , พรรครวมพลังประชาชาติไทย 4 คน และพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย 1 คน
ส่วนผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ที่ กกต.ไม่ประกาศรายชื่อ 107 คน ในจำนวนนี้พบว่า มี 2 คนจากพรรครวมพลังประชาชาติไทย และพรรคเศรษฐกิจใหม่ ที่มีการเข้าไปแก้ไขข้อมูลย้อนหลังในระบบฐานข้อมูลสมาชิกพรรคการเมือง
โดยตัวอย่างที่มีการแก้ไข และสำนักงาน กกต. ตรวจพบ เช่น ผู้สมัครรายหนึ่งของพรรคพลังปวงชนไทย มีชื่อในระบบฐานข้อมูลพรรคเดิมเป็นสมาชิกพรรควันที่ 22 มกราคม 2562 พบมีการแก้ไขเป็นวันที่ 22 พฤศจิกายน 2561 และพบวันที่ทำเหตุการณ์แก้ไขข้อมูลในระบบฐานข้อมูลพรรคการเมืองวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 18:47:35 น. นอกจากนี้ยังพบว่าอาจมีการฮั้วกันของพรรคการเมืองเข้าไปแก้ไขการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเดิม และไปสังกัดพรรคการเมืองใหม่ เพื่อให้ไม่เป็นสมาชิกซ้ำซ้อน และมีระยะเวลาการสังกัดพรรคใหม่ครบตามที่กฎหมายกำหนด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางสำนักงาน กกต.ได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดส่งให้กับผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตใช้ในการชี้แจงสู้คดีต่อศาลฎีกา ขณะเดียวกันก็กำลังพิจารณาจะดำเนินการเอาผิดกับผู้สมัคร หรือพรรคการเมืองในความผิดตามกฎหมายอาญา ฐานแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ปลอมแปลงเอกสารและใช้เอกสารปลอม และนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดี ซึ่งมีโทษจำคุกด้วย.-สำนักข่าวไทย