ระยอง 20 ธ.ค.-หน่วยเฉพาะกิจพญาเสือ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด ลงพื้นที่ตรวจสอบและรังวัดที่ดิน สถานประกอบการ ร้านอาหาร และที่พัก รวม 9 แห่ง หลังได้รับแจ้งว่าไม่มีเอกสารสิทธิในการครอบครองที่ดิน
เจ้าหน้าที่กว่า 60 คน กระจายกำลังตรวจสอบสถานประกอบการร้านอาหารและที่พัก รวม 9 แห่ง บริเวณอ่าววงเดือน หมู่เกาะเสม็ด เบื้องต้นมีนางบรรทม เจริญผล แสดงตัวเป็นเจ้าของพื้นที่มาแต่เดิมทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันได้แบ่งสรรพื้นที่ให้แก่ลูกหลานจำนวน 9 เจ้าของ
นายพนัชกร โพธิบัณฑิต รักษาการหัวหน้าชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจพญาเสือ บอกกับสำนักข่าวไทย อสมท ว่าได้ลงพื้นที่ตรวจสอบผู้ประกอบการ นางบรรทม เจริญผล ซึ่งประกอบกิจการและอาศัยอยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด พื้นที่กว่า 18 ไร่ มีสิ่งปลูกสร้างรวมเกือบ 200 หลัง จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบมีการทำประโยชน์เรื่อยมาโดยไม่มีเอกสารใดๆ มีเพียงใบภาษีบำรุงท้องที่ หรือ ภ.บ.ท.5 ซึ่งเอกสารดังกล่าวไม่สามารถยืนยันความเป็นเจ้าของที่ดินได้ และจากการลงพื้นที่ในครั้งนี้พบว่ามีการบุกรุกเพิ่มเติมอีก 2 ไร่ รวมเป็น 20 ไร่ จากข้อมูลสำรวจเดิมว่ามีผู้ประกอบการเดิม 9 ราย การลงพื้นที่วันนี้ยังพบรายย่อยเพิ่มอีก 6-7 ราย หลังจากการตรวจวัดพื้นที่แล้ว ต่อจากนี้จะเป็นการทำบันทึกเพื่อแจ้งความดำเนินคดีนางบรรทม เจริญผล และผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่
นายประยูร พงศ์พันธุ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด กล่าวว่า บนหมู่เกาะเสม็ดมีผู้ประกอบการรวมกว่า 49 ราย ส่วนมากได้ดำเนินการเช่าพื้นที่ราชพัสดุกับกรมธนารักษ์เรียบร้อยแล้ว แต่ที่ดินดังกล่าวยื้อมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้เคยแจ้งความดำเนินคดีมาแล้วตั้งแต่ปี 2543 ทั้งนี้ ยังพบว่ามีการบุกรุกพื้นที่เพิ่มเติมเรื่อยมา จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่แจ้งดำเนินคดีกับผู้ประกอบการ
ทั้งนี้ ทางผู้ประกอบการเองยังมีสิทธิต่อสู้ในชั้นศาล หากศาลตัดสินว่ามีความผิด พื้นที่ดังกล่าวจะต้องทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง และฟื้นฟูให้กลับสู่สภาพธรรมชาติต่อไป โดยขั้นตอนต่อจากนี้จะเป็นการสรุปสำนวนเพื่อแจ้งความดำเนินคดี และออกประกาศให้ปิดกิจการและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง.-สำนักข่าวไทย