อุดรธานี 12 ธ.ค. – พาณิชย์ดึงอาลีบาบานำระบบค้าออนไลน์ช่วยขายผ้าทอมือไทย ตั้งเป้าตลาดผ้านาข่า Smart Market ศูนย์กลางตลาดผ้าทอมือในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่จังหวัดอุดรธานี ที่ ต.นาข่า อ.เมือง จ.อุดรธานี ติดตามความคืบหน้าโครงการร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ โดยตรวจเยี่ยมร้านค้าธงฟ้าประชารัฐที่รับจ่ายสินค้าผ่านเครื่องรูดบัตร EDC และร้านค้าธงฟ้าประชารัฐแบบใช้แอพพลิเคชั่น “ถุงเงินประชารัฐ” กระทรวงพาณิชย์มีเป้าหมายพัฒนาและยกระดับตลาดผ้านาข่าให้เป็น Smart Market เพื่อรองรับการเป็นศูนย์กลางตลาดผ้าทอมือในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง และตลาดทั่วโลกผ่านการค้าแบบออนลไน์หรืออี-คอมเมิรซ์ต่อไป โดยขณะนี้ได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์หารือกับผู้บริหารของอาลีบาบาที่จะเดินทางมาประเทศไทยวันที่ 14 มกราคม 2562 นำโครงการ “เถาเป่าวิลเลจ” โครงการช่วยเหลือคนยากคนจนในชนบทจีนให้สามารถขายสินค้าได้ผ่านระบบออนไลน์ นำระบบดังกล่าว มาเชื่อมโยงพัฒนาตลาดผ้านาข่า เพื่อนำการค้าผ้าทอมือของไทยจากทั่วประเทศเชื่อมโยงตลาดผ้านาข่าให้เป็นศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าผ้าทอมือไม่เพียงเฉพาะตลาดผ้านาข่าของจังหวัดอุดรธานีเท่านั้น แต่จะเชื่อมโยงกับผู้ผลิตสินค้าผ้าทอมือจากทุกจังหวัดทั่วประเทศไทยให้มีตลาดผ้านาข่าเป็นศูนย์กลางรองรับและเจาะเข้าสู่ประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงและทั่วโลกต่อไป
นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะช่วยผลักดันและทำการเชื่อมโยงตลาดบ้านนาข่าเข้ากับการท่องเที่ยว เพราะตลาดอยู่ใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัด ได้แก่ วัดนาคาเทวี ทะเลบัวแดง พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ อารยธรรม 5,000 ปี วัดป่าภูก้อน พระพุทธบาทบัวบก คำชะโนด เป็นต้น หากเชื่อมโยงกันได้จะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับจังหวัดอีกมาก
นายสนธิรัตน์ กล่าวถึงร้านค้าธงฟ้าประชารัฐแอพพลิเคชั่น “ถุงเงินประชารัฐ” รับชำระค่าซื้อสินค้าจากผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ว่า ภายในสิ้นเดือนธันวาคม 2561 กระทรวงพาณิชย์มีแผนเพิ่มจำนวนร้านค้าแบบใช้แอพพลิเคชั่นถุงเงินประชารัฐเป็น 100,000 ราย จากปัจจุบันมีร้านค้าสมัครเข้ามาแล้วเกือบ 37,000 ราย เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและช่วยเพิ่มรายได้ให้กับร้านค้าจากการที่ผู้ถือบัตรมาจับจ่ายใช้สอย
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีการใช้จ่ายเงินในบัตรผ่านร้านค้าธงฟ้าประชารัฐแอพพลิเคชั่นถุงเงินประชารัฐเกือบ 700 ล้านบาท หากมีร้านค้าเพิ่มขึ้นจะมีเพิ่มมากขึ้น เพราะแต่ละเดือนรัฐบาลใส่เงินเข้าไปในบัตรกว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งวงเงินนี้จะกระจายเข้าสู่ร้านค้า ทั้งร้านค้าแบบติดตั้งเครื่องรูดบัตรและร้านค้าแบบใช้แอพพลิเคชั่นถุงเงินประชารัฐ โดยกระทรวงฯ อยากจะเชิญชวนให้ร้านค้าสมัครเข้าร่วมโครงการให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับตัวเองและเพิ่มทางเลือกในการจับจ่ายใช้สอยให้กับผู้ถือบัตร
สำหรับผลการดำเนินโครงการร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ ล่าสุด 6 ธ.ค.2561 มีร้านค้าสมัครเข้าร่วมโครงการ 70,344 ร้านค้า แบ่งเป็นร้านค้าแบบเครื่องรูดบัตร EDC 33,448 ราย และเป็นร้านค้าแบบใช้แอพพลิเคชั่นถุงเงินประชารัฐ 36,896 ราย และมีรายได้จากการใช้จ่ายของผู้ถือบัตรรวม 48,869 ล้านบาท แบ่งเป็นร้านค้าที่ติดตั้งเครื่องรูดบัตร 48,206 ล้านบาท และร้านค้าที่ติดตั้งแอพพลิเคชั่นถุงเงินประชารัฐ 662 ล้านบาท
นายสนธิรัตน์ ได้ประชาสัมพันธ์ป้ายไฟแอพพลิเคชั่นถุงเงินประชารัฐให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้รับทราบว่า เป็นร้านที่รับชำระค่าสินค้าผ่านแอปพลิเคชั่นถุงเงินประชารัฐทางมือถือ สามารถที่จะเข้ามาใช้บริการได้ รวมทั้งได้เชิญชวนให้ร้านค้ารายย่อย ร้านโชวห่วย ร้านค้าในตลาดสดร้านข้าวแกง ร้านอาหารปรุงสำเร็จ แผงลอย รถเร่ ในพื้นที่จ.อุดรธานี มาเข้าร่วมเป็นร้านค้าธงฟ้าประชารัฐด้วย
การลงพื้นที่ครั้งนี้ชาวบ้านที่ถือบัตรสวัสดิการประชารัฐเข้ามาขอบคุณรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ ที่ช่วยเหลือลดภาระด้านค่าครองชีพให้กับผู้มีรายได้น้อย และขอให้พิจารณาบัตรนี้คงอยู่ตลอดไป เพราะมีประโยชน์จริง ที่ได้วงเงินในแต่ละเดือนสำหรับซื้อสินค้าที่ร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ และเห็นว่าการที่กระทรวงพาณิชย์เดินหน้าเพิ่มจำนวนร้านค้าให้เข้าร่วมโครงการ โดยเฉพาะร้านค้ารายเล็กรายน้อยช่วยให้ชาวบ้านมีโอกาสซื้อสินค้าสะดวกเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นซื้อหมู ไก่ ไข่ ผัก ผลไม้ รวมทั้งใช้กินข้าวแกง รวมถึงอาหารตามสั่ง.-สำนักข่าวไทย