ศาล รธน.ไต่สวน 3 พยานคดีหุ้น “ดอน”

ศาลรัฐธรรมนูญ 25 ก.ย.-ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวน 3 พยานคดีหุ้น “ดอน” โดยประธานคณะกรรมการไต่สวนของ กกต. ยันทำเอกสารโอนหุ้นย้อนหลัง พบพิรุธไม่แจ้ง ป.ป.ช. ไม่มาชี้แจง ด้านกรรมการ 2 บริษัทฯ แจงไม่ขึ้น ปมต้องจัดประชุมวิสามัญรับรองการโอนหุ้น-ไร้หนังสือนำส่งกรมพัฒนาธุรกิจการค้าแจ้งเปลี่ยนแปลงหุ้น ศาลนัดพิจารณาคดีนี้ครั้งต่อไป 17 ต.ค.61


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (25ก.ย.) ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนคำร้องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสามว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 187 และต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคสองหรือไม่ โดยศาลได้ให้พยาน 3 ปาก คือ นายมนัส สุขสวัสดิ์ ประธานคณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวของสำนักงาน กกต.  , นายภัฏฏการก์ บุนนาค กรรมการผู้จัดการบริษัทปานะวงศ์ รีแอลที่ จำกัด และนายตรีวัฒน์ ทังสุบุตร กรรมการผู้จัดการบริษัทปานะวงศ์ จำกัด เข้าไต่สวน  โดยนายดอน และนายเสรี สุวรรณภานนท์ ทนายความของนายดอน ได้เข้าร่วมรับฟังและซักถามพยานด้วย

ในการไต่สวน ศาลได้พยายามสอบถามเรื่องของข้อบังคับบริษัทเกี่ยวกับการโอนหุ้น การลงรายการเปลี่ยนแปลงการถือหุ้นในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัท การมีหนังสือนำส่งรายงานการโอนหุ้นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ และการจัดประชุมสามัญและวิสามัญประจำปีของบริษัทที่มีข้อสังเกตว่าวาระการประชุมของปี 2557-2559  มี 5 วาระที่ดำเนินการเป็นประจำในทุกปี โดยไม่พบว่ามีเรื่องการรับรองการแจ้งเปลี่ยนแปลงผู้มีถือหุ้นเลย แต่มาพบเป็นวาระการประชุมเดียวในวาระการประชุมวิสามัญของปี 2560


นายมนัส ในฐานะประธานคณะกรรมการไต่สวนคดีนี้ของ กกต. ชี้แจงว่า ในการสอบสวนเมื่อมีเหตุสงสัยเรื่องพยานเอกสารได้ให้โอกาสนายดอน ผู้ถูกร้องมาชี้แจงหลายครั้ง แต่ไม่มา ส่งเป็นเอกสารมาเท่านั้น โดยพยานเอกสารที่นายดอนส่งมาแม้จะเป็นหนังสือของนางนรีรัตน์ ปรมัตถ์วินัย ภรรยายนายดอน ที่แสดงเจตนาโอนหุ้นให้นายเพื่อน ปรมัตถ์วินัย บุตรชายในวันที่ 10 เมษายน 2560 และมีการโอนหุ้นในวันที่ 27 เมษายน และวันที่ 30 เมษายน 2560 ถ้ามีการดำเนินการจริงในวันเวลาดังกล่าว ทำไมจึงไม่มีการแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้รับทราบ และแจ้งต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าว่าได้มีการเปลี่ยนแปลงการถือหุ้นในบริษัทแล้ว ขณะเดียวกันกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และประธาน ป.ป.ช.แจ้งมาเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2560 ซึ่งเป็นระยะเวลาหลังรัฐธรรมนูญ 2560 ประกาศใช้ไปแล้ว 4 เดือนว่าการถือหุ้นของนางนรีรัตน์ในบริษัททั้งสอง ยังคงเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนผู้ถือหุ้น ประกอบกับทั้งสองบริษัทเป็นบริษัทภายในครอบครัว จึงทำให้คณะกรรมการไต่สวนฯ เห็นว่าการชี้แจงของนายดอนที่ว่าภรรยามีการโอนหุ้นให้นายเพื่อนใน 30 วันหลังรัฐธรรมนูญประกาศใช้ ไม่น่าเชื่อถือ

“ผมในฐานะประธานคณะกรรมการไต่สวนฯ มีหนังสือไปยังประธานบริษัททั้งสองเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2560 ขอให้ชี้แจงว่าระหว่างปี 58-60 นางนรีรัตน์ ได้ถือหุ้นในบริษัทเท่าไร คิดเป็นละร้อยละเท่าไรจนถึงปัจจุบัน และได้หุ้นมาด้วยวิธีใด ซึ่งบริษัทก็ตอบมาเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2560 ว่าการถือหุ้นเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะบริษัทปานะวงศ์ จำกัด  ระบุว่านางนรีรัตน์ถือหุ้น 7,200 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 12 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ตรงกับข้อมูลที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าและประธาน ป.ป.ช.ส่งมา เมื่อพยานหลักฐานเป็นเช่นนี้ คณะกรรมการไต่สวนฯ ก็ไม่อาจฟังเป็นอย่างอื่นได้” นายมนัส กล่าว

นายมนัส ยังยอมรับกับคำถามที่นายเสรี ทนายความของนายดอน ซักค้านว่าที่นายมนัสเห็นว่าพยานหลักฐานที่นายดอนนำเสนอไม่น่าเชื่อถือและเป็นการทำย้อนหลังเพื่อเอาไว้ชี้แจงต่อศาลเท่านั้นเป็นความเห็นส่วนตัว ไม่มีอยู่ในมติของคณะกรรมการไต่สวนฯ  หรือในการพิจารณาของ  กกต. เป็นการตอบในประเด็นที่ศาลตั้งประเด็นขอความเห็นว่ามีความเห็นเพิ่มเติมต่อกรณีนี้อย่างไร


ด้านนายภัฏฏการก์ บุนนาค กรรมการผู้จัดการบริษัทปานะวงศ์ รีเอลที่ จำกัด ชี้แจงว่า หุ้นของบริษัทเป็นใบหุ้นระบุชื่อโดยมีข้อบังคับบริษัทว่าถ้ามีการโอนหุ้นต้องแจ้งบริษัททราบเพื่อป้องกันคนนอกไม่ให้เข้ามาเกี่ยวข้อง เมื่อโอนหุ้นแล้วต้องเข้าที่ประชุมเพื่อรับทราบทุกครั้ง แล้วจึงมอบสำนักบัญชีไปดำเนินการแจ้งต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าฯ ส่วนการโอนหุ้นในอดีต เคยมีของนายตรีวัฒน์ โอนให้บุตรแต่จำไม่ได้ชัดว่าปีอะไร ยอมรับว่าในปี 2557-2559  ไม่มี เพิ่งจะปรากฎเป็นครั้งแรก คือ กรณีของนางนรีรัตน์ ซึ่งเห็นว่าเมื่อบริษัทรับทราบสัญญาการโอนหุ้นในวันที่ 30 เมษายน  ก็น่าจะถือว่าการโอนหุ้นมีผลตามกฎหมายในวันดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม นายจรัญ  ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ สอบถามถึงการแจ้งการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นไปยังกรมธุรกิจการค้าว่าต้องมีหนังสือนำส่ง นายภัฏฏการก์  ได้เคยเซ็นหรือเห็นหนังสือฉบับนี้หรือไม่ เพราะตามแบบพิมพ์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ผู้เป็นกรรมการบริษัทต้องลงนามและประทับตราบริษัท รวมทั้งจากเอกสารกาประชุมสามัญปี 2557-2559 ที่บริษัทนำส่งทุกครั้งจะมี 4-5 วาระ เช่น การรับรองผลการดำเนินการประจำปีที่ผ่านมา การตั้งผู้ตรวจสอบบัญชีและการกำหนดค่าตอบแทน การรับรองงบดุล แต่เหตุใดในการประชุมสามัญปี 2560 กลับไม่มีวาระเหล่านี้ และมามีในการประชุมวิสามัญครั้งที่ 2  ซึ่งก็ไม่มีวาระในเรื่องแต่งตั้งผู้ตรวจสอบบัญชีและค่าตอบแทน

ขณะที่นายตรีวัฒน์ ทังสุบุตร กรรมการผู้จัดการบริษัทปานะวงศ์ จำกัด ชี้แจงว่า หุ้นของบริษัทเป็นประเภทระบุชื่อ บริษัทไม่มีข้อบังคับ แต่เมื่อมีการโอนหุ้นต้องเข้าที่ประชุมเพื่อแจ้งผู้ถือหุ้นทราบ โดยจะนำเข้าที่ประชุมหลังเปลี่ยนแปลงกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าแล้ว โดยการเปลี่ยนแปลงจะมีอยู่ในสมุดบัญชีผู้ถือหุ้น ยืนยันการเปลี่ยนแปลงหุ้นในกรณีนี้มีบันทึกอยู่ในสมุดทะเบียนและนำส่งภายหลัง

นายตรีวัฒน์ กล่าวอีกว่า การประชุมสามัญประจำปี 2560 มีวาระ 2 เรื่อง คือ รับรองงบการเงิน กับเรื่องอื่น ไม่มี 5 วาระเหมือนปี 2557-2559  รวมทั้งไม่มีวาระการแต่งตั้งผู้ตรวจสอบบัญชี เพราะเจ้าหน้าที่ที่รับดำเนินการทำไม่ทัน และในเมื่อการประชุมสามัญไม่ได้อนุมัติแต่งตั้งผู้ตรวจสอบบัญชีและกำหนดค่าตอบแทน จึงต้องมีการประชุมวิสามัญเพื่อพิจารณาเรื่องที่ขาด แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการพิจารณาเรื่องดังกล่าว ส่วนการแจ้งการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้มอบหมายเจ้าหน้าที่ดำเนินการ จึงไม่ทราบเรื่องหนังสือนำส่งและกระบวนการ เพราะเป็นการแจ้งผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ การที่คณะกรรมการไต่สวนของ กกต.ส่งหนังสือไปสอบถามเรื่องการถือหุ้นของนางนรีรัตน์นั้น เจ้าหน้าที่บริษัทได้ตอบตามเอกสารที่ปรากฎกับกระทรวงพาณิชย์ แต่ไม่ได้ตอบตามที่มีการโอนหุ้นจริง เพราะยังอยู่ในขั้นตอนดำเนินการ ประกอบกับเจ้าหน้าที่เร่งรัดในเรื่องการตอบโดยให้เวลาเพียง 10 วันนับแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2560 แต่บริษัทก็ตอบภายใน 3 วัน

หลังการไต่สวนเสร็จสิ้น นายนุรักษ์ มาประณีต ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ได้แจ้งต่อคู่กรณีว่า ศาลนัดพิจารณาคดีนี้ในครั้งต่อไปวันที่ 17 ตุลาคม 2561 เวลา 13.30 น. ขณะที่นายดอน ได้เดินทางกลับโดยไม่ให้สัมภาษณ์ใด ๆ กับสื่อมวลชน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้นบ้านสามารถ

ดีเอสไอเข้าค้นบ้าน “สามารถ” คดีฟอกเงินดิไอคอน

ดีเอสไอเข้าค้นบ้าน “สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” คดีฟอกเงินดิไอคอน หลังพบเงิน “บอสดิไอคอน” โอนเข้าบัญชีแม่ของนายสามารถ

หมอบุญ

THG แจงบริษัทไม่เกี่ยวข้องคดีต่างๆ ที่เกิดจาก “หมอบุญ”

THG แจงตลาดหลักทรัพย์ฯ ปัจจุบัน “หมอบุญ” ไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารใน THG คดีฉ้อโกงใดๆ ที่เกิดขึ้น บริษัทไม่เกี่ยวข้อง

คะแนนไม่เป็นทางการ เลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ

ลุ้นผลคะแนนเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช นับเสร็จแล้วบางหน่วย ล่าสุด ณ เวลา 19.40 น. “วาริน ชิณวงศ์” เบอร์ 2 จากทีมนครเข้มแข็ง ชนะคู่แข่งขาดลอยในหลายหน่วย คะแนนทิ้งห่างแชมป์เก่า “กนกพร เดชเดโช” เบอร์ 1 จากพรรค ปชป.

“ทนายสายหยุด” จ่อถอนตัวคดีตั้ม หวั่นติดร่างแห

“ทนายสายหยุด” เตรียมถอนตัวเป็นทนายให้ “ตั้ม” เผยในมือมีแต่พยานเท็จ ปิดบังข้อเท็จจริง เสี่ยงเป็นผู้ร่วมกระทำผิด

ข่าวแนะนำ

งด ครม.

งด ครม. ทำเนียบวันนี้ เตรียมสัญจรครั้งแรก “เชียงใหม่-เชียงราย” วันศุกร์

งด ครม. ทำเนียบวันนี้ เตรียมสัญจรครั้งแรก “เชียงใหม่-เชียงราย” ศุกร์นี้ นายกฯ ตั้งเป้าปีหน้าน้ำท่วมภาคเหนือต้องไม่เกิดอีก ด้าน ศปช. เตรียมเสนอแผนแก้อย่างเป็นระบบใน ครม.สัญจร ศุกร์นี้

วิเคราะห์การเมืองสนามใหญ่ หลังศึกเลือกตั้งนายก อบจ.

วิเคราะห์ผลการเลือกตั้งนายก อบจ. 4 สนามใหญ่ โดยเฉพาะอุดรธานี ที่สะท้อนถึงความนิยมในตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี