สำนักงาน กกต. 3 ก.ย.- กกต.ชี้แจงแจ้งทุกจังหวัดแบ่งเขตเลือกตั้งรองรับทำไพรมารีโหวต เผยต้องส่ง 3 รูปแบบให้ กกต.พิจารณาคัดเลือกรูปแบบที่ดีที่สุด คาดประกาศใช้กลางพฤศจิกายน ย้ำส.ส.เพิ่มลดมาจากรัฐธรรมนูญไม่ใช่ กกต.กำหนดรับหากวันเลือกตั้งเลื่อนจากก.พ.62 ต้องแบ่งเขตใหม่
นายณัฏฐ์ เล่าสีห์สวกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงการมีหนังสือแจ้งไปยังผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดให้ดำเนินการเตรียมเรื่องของการแบ่งเขตเลือกตั้งว่า เป็นการเตรียมการไว้สำหรับกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.ที่คาดว่าจะประกาศในราชกิจจานุเบกษาช่วงกลางเดือนกันยายน และหากมีการเลือกตั้งตามที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศไว้ว่าจะเป็นช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2562 และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุจะใช้ช่วงเวลา 90 วัน ระหว่างรอการบังคับใช้กฎหมายเลือกตั้งให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในการทำไพรมารีโหวตผู้สมัครจะลงเขตไหน พรรคจะส่งผู้สมัครในพื้นที่ใด ก็จะต้องมีข้อมูลการแบ่งเขตก่อน
รองเลขาธิการ กกต. กล่าวว่า ส่วนของ กกต.เราใช้ฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรของปี 2559 ที่สรุปเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2560 คำนวนการแบ่งเขตไว้เบื้องต้น แต่เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงของจำนวนราษฎร รายอำเภอ ซึ่งอาจมีผลทำให้จำนวน ส.ส.ของแต่ละเขตมีการเปลี่ยนแปลงได้ จึงได้ประสานไปยังผู้อำนวยการสำนักทะเบียนกลางราษฎรขอทราบข้อมูล และได้แจ้งยัง ผอ.กต.ประจำจังหวัดให้ตรวจสอบอีกครั้ง ว่าจำนวนราษฎรล่าสุดจะมีผลทำให้ค่าเฉลี่ยกลางเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่
“เรื่องที่ทำเป็นปัจจัยพื้นฐานที่จะนำไปสู่กระบวนการไพรมารีโหวต ถ้า คสช.ออกคำสั่ง ม. 44 ให้ กกต.ดำเนินการแบ่งเขตได้ เราก็จะใช้ข้อมูลราษฎร ณ.วันที่ 31 ธันวาคม 2560 เป็นหลัก ซึ่งผอ.กต.ประจำจังหวัดก็จะทำหน้าที่แบ่งเขต 3 รูปแบบ และติดประกาศรูปแบบของการแบ่งเขตทั้ง 3 รูปแบบ เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสีย พรรคการเมือง เป็นเวลา 10 วัน ก่อนจะประมวลความคิดเห็นและส่งมายัง กกต.ให้พิจารณาคัดเลือกรูปแบบที่ดีที่สุดให้แล้วเสร็จ ซึ่งทั้งกระบวนการจะต้องทำให้เสร็จภายใน 60 วัน นับแต่ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ประกาศในราชกิจจานุเบกษา หรือคาดว่าประมาณกลางเดือนพฤศจิกายน เรื่องของการแบ่งเขตต้องแล้วเสร็จ และเข้าสู่กระบวนการไพรมารีโหวตได้” นายณัฏฐ์กล่าว
รองเลขาธิการ กกต. กล่าวอีกว่า การแบ่งเขตทั้งรูปแบบที่แต่ละจังหวัดจะดำเนินการ ร้อยละ 80 จะเป็นการแบ่งตามโซนนิ่งของอำเภอ เว้นแต่บางอำเภอที่มีเทศบาลนคร และเป็นชุมชนหนาแน่น ก็อาจจะต้องแบ่งอำเภอออกเป็น 2 เขต แต่จะไม่มีการแบ่งตำบล และยึดหลักไม่กระทบกับความคุ้นเคยพื้นที่ของประชาชนที่จะไปใช้สิทธิเลือกตั้ง
นายณัฏฐ์ กล่าวว่า นอกจากนี้จากการที่รัฐบาลได้ขอความร่วมมือในเรื่องการประหยัดงบประมาณเลือกตั้ง และกฎหมายใหม่ได้กำหนดจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งต่อหน่วยเลือกตั้งเพิ่มขึ้นจากเดิม 800 คนต่อหน่วย มาเป็น1000 คนต่อหน่วย ทางสำนักงาน กกต.ก็ได้มีหนังสือแจ้งไปยัง ผอ.กต.ประจำจังหวัดทุกจังหวัดขอให้ประสานไปยังสำนักงานทะเบียนอำเภอ ว่าจะสามารถขยายหรือรวมหน่วยงานได้หรือไม่ แต่ต้องไม่กระทบต่อความคุ้นเคยในการใช้สิทธิของประชาชน จากเดิมที่มีหน่วยเลือกตั้งทั่วประเทศประมาณ 96,000 หน่วย ตั้งเป้าลดลงอย่างน้อยร้อยละ 3
เมื่อถามว่าหากรัฐบาลขยับวันเลือกตั้งจากเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ไปเป็นเดือนพฤษภาคม 2562 เขตเลือกตั้งและจำนวน ส.ส.จะยังคงเดิมหรือไม่ นายณัฏฐ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีระบุแล้วว่าช่วงเวลาของการเลือกตั้งเร็วที่สุดคือเดือนกุมภาพันธ์ช้าที่สุดคือเดือนพฤษภาคม 2562 ซึ่งสำนักทะเบียนกลาง กระทรวงมหาดไทยจะมีการแจ้งเปลี่ยนแปลงจำนวนประชากรแต่ละปี ในช่วงมีนาคมของปีถัดไป ดังนั้นหากวันเลือกตั้งขยับไปเป็นเดือนพฤษภาคม 2562 ก็ต้องมีการแบ่งเขตใหม่ ตามจำนวนประชากรที่มีการประกาศใหม่ ซึ่งก็จะดันให้ทุกอย่างขยับออกไปอีก 60 วัน
นายณัฏฐ์ กล่าวว่า จำนวนเขตเลือกตั้งและจำนวน ส.ส.ที่ลดลงไม่ได้เกิดจากการกำหนดของ กกต. แต่เป็นผลมาจากรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดจำนวน ส.ส.แบ่งเขตลดลงจาก 375 เป็น 350 คน และจำนวนประชากร ต่อส.ส. 1 คนมีการปลี่ยนแปลงในทุกปี.-สำนักข่าวไทย