กระบี่ 16 ส.ค.-ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ คดีอดีตนายกเทศมนตรีเมืองกระบี่ ยื่นฟ้องกรมอุทยานแห่งชาติฯ ขอสิทธิในการครอบครองพื้นที่เกาะปอดะ
ศาลแพ่งอุทธรณ์ภาค 8 ได้อ่านคำพิพากษา ในคดีที่นายชวน ภูเก้าล้วน อดีตนายกเทศมนตรีเมืองกระบี่ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชพร้อมพวก 3 คน ในคดีแพ่ง หมายเลขดำที่ 115/2558 คดีหมายเลขแดงที่ 525/60 เรื่องฟ้องขับไล่และสิทธิครอบครอง พื้นที่เกาะปอดะ ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ โดยศาลอุทธรณ์ได้พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยทั้งสามโดยกำหนดค่าทนายความ 500,000. บาท และค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีรวม 400,000 บาท
ทั้งนี้คดีดังกล่าว สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 ก.พ.2558 ทางนายชวน ภูเก้าล้วน ยื่นฟ้องกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชพร้อมพวก 3 คน เรียกค่าเสียหาย 3 ล้านบาท และขอสิทธิในการครอบครองพื้นที่เกาะปอดะ เนื้อที่กว่า 70 ไร่ ตามเอกสาร สค.1 ต่อมาทางศาลชั้นต้นได้ตัดสินให้นายชวน เป็นฝ่ายชนะคดี โดยให้จำเลยคือกรมอุทยานฯ รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและออกจากพื้นที่ แต่ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหาย ต่อมาทางกรมอุทยานฯ ได้อุทธรณ์ และวันนี้ ศาลได้ตัดสินยกคำร้องดังกล่าว
นายวรพจน์ ล้อมลิ้ม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา- หมู่เกาะพีพี ผู้รับมอบอำนาจจากกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เปิดเผย ว่า ภายหลังศาลแพ่งอุทธรณ์ภาค 8 ได้ตัดสินคดีเช้าวันนี้(16ส.ค.) รู้สึกดีใจ ถือว่าคดีนี้เป็นคดีประวัติศาสตร์ ที่คดีชนบูรณาการ โดยตลอดระยะเวลาที่กรมอุทยานฯ ร่วมกับหลายหน่วยงาน และนักวิชาการ โดยอธิบดีกรมอุทยานฯได้ขอสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ มีการหาหลักฐานร่องรอยการทำประโยชน์ในที่ดินมาต่อสู้ และใช้เป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ในขั้นการทำสำนวนอุทธรณ์ มีการหาพยานหลักฐานที่เป็นประจักษ์พยาน ยืนยันตามหลักฐานเดิมในชั้น ศาลชั้นต้น และมีผู้เชียวชาญด้านกฏหมายและแปลภาพถ่าย ที่เป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะทีมพืชสวนชุมพร ต้องพิสูจน์ในเรื่องของอายุมะพร้าวที่มีอยู่ในแปลงคดีว่ามีอายุตามจริงซึ่งจากการตรวจสอบพบมีอายุระหว่าง 45 ปีขึ้นไป ไม่พบร่องรอยทำประโยชน์ตั้งแต่ปี 2510 .-สำนักข่าวไทย