สระแก้ว 7 ส.ค.- กองปราบ-สืบภาค 2 พาตัว “เจ๊เยาว์” ลงพื้นที่สระแก้วสอบเพิ่มที่ สภ.คลองหาด หลังเข้ามอบตัวพิสูจน์ความจริงคดีฆาตกรรมสามีภรรยานักธุรกิจตลาดโรงเกลือ ยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่รู้ใครบงการ พร้อมชี้รถยนต์ของกลางและบ้านนักการเมืองท้องถิ่นรายหนึ่ง
กรณีนางสายันต์ จันทา หรือเจ๊สายันต์ เศรษฐีนีตลาดโรงเกลือ นักธุรกิจการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ถูกฆาตกรรมพร้อมสามีภายในบ้านพักช่วงปลายเดือนมกราคม 2561 และวันนี้ (7 ส.ค.) นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ได้พานางมณีรัตน์ โกทันย์ หรือ “เจ๊เยาว์” ที่ถูกออกหมายจับหลังจากไปทำกิจการร้านอาหารกับญาติในประเทศเพื่อนบ้าน เดินทางเข้ามอบตัวกับ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้กำกับการกองปราบปราม เพื่อให้ข้อมูลผู้บงการในคดีนี้
ต่อมาเวลา 15.00 น. ชุดตำรวจกองปราบปราม และชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 2 นำตัวนางมณีรัตน์ มายัง สภ.คลองหาด จ.สระแก้ว พื้นที่เกิดเหตุ เพื่อสอบปากคำและออกมาชี้รถยนต์ของกลางคันหนึ่งที่ถูกระบุว่าเกี่ยวข้องกับคดี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตามยึดไว้ได้ก่อนข้ามแดน จากนั้นเจ้าหน้าที่พาตัวนางมณีรัตน์ ขึ้นรถตู้ไปชี้สถานที่อีก 1 จุด บริเวณหน้าบ้านของนักการเมืองท้องถิ่นรายหนึ่ง และกลับมาสอบสวนเพิ่มเติมที่ สภ.วัฒนานคร ช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. และพนักงานสอบสวนให้ประกันตัวเมื่อเวลา 20.30 น.
พ.ต.อ.สิทธิโชค ลือโลก ผกก.สภ.คลองหาด กล่าวว่า นางมณีรัตน์ ได้ให้ข้อมูลว่ารู้ข้อมูลก่อนมีการฆาตกรรม แต่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้น ทางกองปราบและพนักงานสอบสวนที่ตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้วตั้งขึ้นเพื่อดำเนินการสอบสวนจึงพาตัวไปชี้รถยนต์และบ้านของผู้เกี่ยวข้องกับคดี เนื่องจาก สภ.คลองหาดเป็นสถานที่เกิดเหตุ ตำรวจท้องที่จึงต้องเข้าไปช่วยดูแลเพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการได้เรียบร้อย
ด้านนายกองข้าวเหนียว เมืองน้ำคำ ผู้ประสานงาน ซึ่งเป็นทนายความและญาติของนางมณีรัตน์ กล่าวว่า ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว นางมณีรัตน์เดินทางไปอยู่กับน้องสาวของตนที่ประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเปิดร้านอาหาร และทำได้ระยะหนึ่ง โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองถูกซัดทอด จนกระทั่งมีการออกหมายจับ จึงปรึกษาทนายและเดินทางเข้ามอบตัวที่กองปราบปราม เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจในการพิสูจน์ความจริง เพื่อสู้คดี
นายกองข้าวเหนียว ย้ำด้วยว่า นางมณีรัตน์ไม่รู้เรื่องการฆ่า และไม่เคยโกรธเคืองกับนางสายันต์ แต่ยอมรับว่าเคยรู้ข้อมูล ซึ่งมีการพูดคุยกันของนักการเมืองท้องถิ่น ส่วนรถยนต์ที่ยึดได้ก่อนนำไปประเทศเพื่อนบ้านนั้น มีการติดต่อขอให้นำไปขาย ตกลงรับซื้อกันอย่างถูกต้อง และอยู่ระหว่างทำหลักฐาน เพื่อขอนำรถไปส่งที่ชายแดน กระทั่งมาถูกตำรวจยึดไว้เป็นของกลาง.-สำนักข่าวไทย
![](https://imgs.mcot.net/images//2018/08/1533654768062.jpg)