รพ.ยันฮี 20 ก.ย.-แพทย์เผยผลตรวจน้องทรายเหยื่อครูปาแก้ว มีความผิด ปกติ เส้นประสาทสมองคู่ที่ 7ข้างซ้าย ทำให้ปากเบี้ยว หลับตาซ้ายไม่สนิทยังระบุสาเหตุที่เกิดไม่ได้ ขณะนี้เน้นยา กายภาพบำบัด ประเมินผลต่อเนื่อง 6 เดือน โอกาสหายมี แต่หากไม่ดีขึ้น วิธีสุดท้ายคือการผ่าตัด
นพ.สุพจน์ สัมฤทธิวณิชชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร รพ.ยันฮี พร้อมทีมแพทย์ผู้รักษาอาการน้องทราย อายุ 17 ปี หลังรับตัวมารักษาตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาและได้ส่งน้องทรายไปตรวจเลือดตรวจสมองตัวคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือ MRI และประสานไปยัง รพ.บำรุงราษฎร์ เพื่อเข้า ตรวจคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อของใบหน้า(EMG)
นพ.สุพจน์ เปิดเผยว่า พบความผิดปกติของเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ข้างซ้าย ส่งผลให้กล้ามเนื้อใบหน้าซีกซ้ายไม่ทำงาน มีอาการปากเบี้ยว ไม่สามารถหลับตาซ้ายได้สนิท เบื้องต้นทีมแพทย์ ลงความเห็นว่า ต้องตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมอย่างละเอียด เพราะจากการตรวจร่างกายไม่สามารถระบุได้ว่า ความผิดปกติของเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ข้างซ้าย เกิดจากสาเหตุใด
ส่วนผลการตรวจคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อหัวใจใบหน้า จากรพ.บำรุงราษฏร์ พบว่าการมองเห็นอยู่ในเกณฑ์ปกติ ส่วนการตรวจสมองด้วยเครื่องเอ็มอาร์ไอ พบความผิดปกติของเส้นประสาท ที่เลี้ยงใบหน้าด้านซ้าย ตั้งแต่บริเวณปมเส้นประสาท ด้านในกะโหลกศีรษะยาวจนถึงส่วนที่อยู่กระดูกหลังหู ซึ่งความผิดปกตินี้อาจเกิดได้จากการติดเชื้อ หรือการอักเสบของเส้นประสาท
นอกจากนี้ยังพบว่าเส้นประสาทของใบหน้าด้านซ้าย แขนงที่เลี้ยงหนังตา โหนกแก้ม ไม่ตอบสนองต่อการกระตุ้นด้วยไฟฟ้า มีความเสียหายปานกลางถึงรุนแรง ส่วนแขนงที่ไปเลี้ยงแก้ม พบความผิดปกติเช่นกัน แต่ความเสียหายน้อยกว่า
ส่วนข้อสงสัยของสาเหตุที่เกิดกับน้องทรายนั้นมาจากอะไร นพ.สุพจน์ กล่าวว่า จะให้บอกตอนนี้คงบอกไม่ได้เพราะว่า รพ.รับคนไข้มาหลังจากเกิดเรื่องประมาณ 1 เดือน ตอนนี้ทางรพ.มุ่งที่จะรักษาอาการผิดปกติของโรคให้ดีขึ้น
“จะให้ฟันธงว่าเกิดจากการกระทำรุนแรง หรือโรคนั้นเราไม่ได้เห็นบาดแผลตั้งแต่แรก ได้เพียงผลวินิจฉัยจากโรงพยาบาลที่โคราช ซึ่งถามว่าเกิดจากความรุนแรงได้หรือไม่ก็ได้หรือจากโรคก็เป็นไปได้ทั้งสองประการแต่ตอนนี้ทางโรงพยาบาลพบต้นตอที่ทำให้เกิดอาการป่วย คือเส้นประสาทอักเสบ” นพ.สุพจน์ กล่าว
สำหรับแนวทางการรักษาจากนี้จะเน้นการรักษาด้วยยาและการทำกายภาพบำบัด , หยอดน้ำตาเทียมเพื่อรักษาภาวะตาแห้ง ร่วมกับการรักษาด้วยการฝังเข็ม โดยจะประเมินผลการรักษาทุกเดือนต่อเนื่อง เป็นเวลา 6 เดือนซึ่งโอกาสที่น้องทรายจะดีขึ้นนั้นมีมากกว่าผู้ป่วยที่มีโรคแทรกซ้อนและสูงอายุ แต่ถ้าหากอาการไม่ดีขึ้น อาจจะต้องรักษาด้วยการผ่าตัด ซึ่งจะใช้เป็นวิธีการสุดท้ายเพราะเป็นวิธีการผ่าตัดที่ยากต้องดูอาการของน้องอย่างน้อย 1 ปีจึงจะสามารถตอบได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่ทีมแพทย์จะแถลงข่าวนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้เดินทางมาเยี่ยม และให้กำลังใจน้องทราย และแม่ของน้องทราย พร้อมสอบถามอาการ และความคืบหน้าการรักษาจากทีมแพทย์ .-สำนักข่าวไทย