วอชิงตัน 20 มิ.ย.- สหรัฐถอนตัวจากคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชอาร์ซี) แล้วโดยอ้างว่า มีอคติต่ออิสราเอลและไร้การปฏิรูป ด้านนักเคลื่อนไหวเตือนว่า จะยิ่งทำให้การปกป้องสิทธิมนุษยชนโลกทำได้ยากยิ่งขึ้น
นางนิกกี ฮาลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำยูเอ็นและนายไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐร่วมกันประกาศเรื่องสหรัฐขอถอนตัวจากยูเอ็นเอชอาร์ซีเมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ นางฮาลีย์ประณามรัสเซีย จีน คิวบา และอียิปต์ว่าขัดขวางความพยายามของสหรัฐที่จะปฏิรูปองค์กรนี้ วิจารณ์ประเทศที่มีค่านิยมเดียวกันกับสหรัฐและเกลี้ยกล่อมให้สหรัฐอยู่ต่อไปแต่ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เป็นอยู่อย่างจริงจัง ตำหนิสมาชิกที่ไม่เคารพสิทธิพื้นฐานอย่างเวเนซุเอลา จีน คิวบา สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกแต่ไม่ระบุชื่อซาอุดีอาระเบีย นางฮาลีย์ระบุต่อไปว่า การที่ยูเอ็นเอชอาร์ซีเพ่งเล็งและเป็นปรปักษ์ต่ออิสราเอลอย่างไม่หยุดหย่อนแสดงให้เห็นชัดเจนว่าองค์กรนี้ขับเคลื่อนด้วยอคติทางการเมือง ไม่ใช่สิทธิมนุษยชน
นับเป็นอีกครั้งที่สหรัฐถอนตัวจากการมีส่วนร่วมกับนานาชาติ หลังถอนตัวจากข้อตกลงโลกร้อนปารีสและข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านไปก่อนหน้านี้ และเป็นช่วงที่สหรัฐกำลังถูกวิจารณ์นโยบายพรากเด็กจากพ่อแม่ลอบเข้าเมืองที่พรมแดนด้านเม็กซิโก เจ้าชายเซอิด บิน ราอัด เซอิด อัล ฮุสเซน ข้าหลวงใหญ่ยูเอ็นด้านสิทธิมนุษยชนเรียกร้องเมื่อวันจันทร์ให้สหรัฐยุตินโยบายที่ไร้จิตสำนึกนี้ และเมื่อสหรัฐประกาศถอนตัวจากยูเอ็นเอชอาร์ซีที่ตั้งขึ้นในปี 2549 มีสมาชิก 47 ชาติ เจ้าชายเซอิดกล่าวว่า ท่ามกลางสถานการณ์สิทธิมนุษยชนโลกในปัจจุบันสหรัฐควรก้าวมาอยู่ข้างหน้า ไม่ใช่ถอยไปอยู่ข้างหลัง ขณะที่กลุ่มสิทธิตำหนิว่า เป็นการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลสหรัฐไม่สนใจการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วโลก และให้ท้ายประเทศละเมิดสิทธิมนุษยชนที่อ้างว่ายูเอ็นแทรกแซงกิจการภายใน.-สำนักข่าวไทย