กรุงเทพฯ 10 พ.ค. – หอการค้าไทยเผยเงินสะพัดช่วงเปิดเทอมกว่า 52,000 ล้านบาท ขยายตัวสูงสุดในรอบ 5 ปี เฉลี่ยคนละกว่า 16,000 บาท ปัจจัยเศรษฐกิจดี คนมั่นใจใช้จ่ายขึ้น แม้ค่าเสื้อผ้า-อุปกรณ์การเรียนราคาสูงขึ้น
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยการสำรวจความคิดเห็นผู้ปกครองในช่วงเปิดเทอม ว่า ร้อยละ 47.9 มองว่ามีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เนื่องจากต้องซื้อเสื้อผ้าและอุปกรณ์การเรียนเพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาสินค้าเหล่านี้ปรับสูงขึ้น แม้จะไม่มากเหมือนปีที่ผ่านมา ประกอบกับรายได้ของผู้ปกครองส่วนใหญ่ดีขึ้น แต่ยังห่วงผู้ปกครองที่มีรายได้ต่ำกว่า 20,000 บาท แม้ว่าผลมาจากภาวะเศรษฐกิจดีขึ้น ทำให้ความเชื่อมั่นของประชาชนดีขึ้น ผู้ปกครองจึงมีความสามารถในการซื้อสินค้าช่วงเปิดเทอมได้มากขึ้นและมีการนำเงินออมมาทดแทนจากกู้หนี้นอกระบบเพื่อใช้จ่ายในการศึกษาบุตรหลานมีน้อยลง ดังนั้น จึงคาดการณ์ในช่วงเปิดเทอมนี้จะมีเงินสะพัดจากการใช้จ่ายของผู้ปกครองโดยรวมอยู่ที่ 52,254.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 4.10 ถือว่าขยายตัวสูงสุดในรอบ 5 ปี นับตั้งแต่ปี 2557 และเฉลี่ยใช้จ่ายต่อรายอยู่ที่ 16,407.11 บาท
สำหรับค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ของบุตรหลานจะเป็นการซื้อชุดนักเรียนใหม่และอุปกรณ์การเรียนให้กับบุตรหลาน รวมถึงค่าเทอมและค่าบำรุงโรงเรียน ขณะที่แป๊ะเจี๊ยะปีนี้ผู้ปกครองส่วนใหญ่จ่ายลดลง ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีว่าไทยมีการใช้จ่ายด้านการศึกษาในทิศทางที่ถูกต้องมากกว่าแต่ก่อน
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ระบบการศึกษาของไทยมีประสิทธิภาพมากขึ้น รัฐบาลจะต้องเข้ามาช่วยดูแลค่าใช้จ่ายสำหรับค่าเล่าเรียน ค่าหน่วยกิต และทุนเล่าเรียนฟรีให้เหมาะสมกับคุณภาพการศึกษา พร้อมทั้งควรจัดงบประมาณเงินทุนเพื่อพัฒนาการศึกษาเพิ่มขึ้น และพัฒนาหลักสูตรและครูผู้สอนให้ทันสมัย ขณะเดียวกันจะต้องพัฒนาการเรียนการสอนภาษาต่างประเทศให้มีประสิทธิภาพและเนื้อหาการเรียนจะต้องสอดคล้องกับตลาดแรงงาน เพื่อให้นักเรียนนักศึกษาที่จบใหม่สามารถมีงานทำตรงตามที่เรียนจบมาเป็นสำคัญ.-สำนักข่าวไทย