กรุงเทพฯ 9 พ.ค.-คนพิการ 430 คน ร้องศาลปกครองกลาง กรณี กทม.ดำเนินการจัดสิ่งอำนวยความสะดวกแก่คนพิการในระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส ตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด เมื่อปี 2558 ล่าช้า เรียกค่าเสียหาย ประมาณ 148 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (9 พ.ค.) ที่สำนักงานศาลปกครอง ถ.แจ้งวัฒนะ นายสุชาติ โอวาทวรรณสกุล ประธานสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย และนายธีรยุทธ สุคนธวิท ประธานเครือข่ายขนส่งมวลชนทุกคนต้องขึ้นได้ นำสมาชิกสภาคนพิการฯ และภาคีเครือข่ายขนส่งมวลชนต้องขึ้นได้ จำนวน 430 คน พร้อมทนายความ เดินทางมายื่นฟ้อง กรุงเทพมหานคร (กทม.) ต่อศาลปกครองกลาง ในข้อหาละเมิดสิทธิไม่จัดสิ่งอำนวยความสะดวกแก่คนพิการในระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส ตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ที่สั่งให้ กทม.ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 20 มกราคม 2559 จึงมาขอให้ศาลสั่งให้ กทม.ชดใช้เยียวยาความเสียหายแก่คนพิการ ที่เป็นผู้ฟ้องคดีทั้ง 430 คน ๆ ละ 1,000 บาท/วัน นับตั้งแต่วันที่ 21 มกราคม 2559 หลังจากครบกำหนดที่ศาลปกครองสูงสุดสั่งให้ กทม.ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 20 มกราคม 2559 เป็นเงินรวมประมาณ 148 ล้านบาท และขอให้ศาลสั่งบังคับคดีให้ กทม.ปฏิบัติตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุดโดยเร็ว
นายธีรยุทธ กล่าวว่า กรณีปัญหาสิ่งอำนวยความสะดวกคนพิการในระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส เครือข่ายขนส่งมวลชนต้องขึ้นได้ ร่วมกับสภาคนพิการฯ ติดตามเรียกร้องให้มีการแก้ไขปัญหามาตั้งแต่ปี 2534 จนกระทั่งเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2558 ศาลปกครองสูงสุด มีคำพากษาให้ กทม.จัดทำลิฟต์ขึ้น-ลงสำหรับผู้พิการที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสทั้ง 23 สถานี และให้จัดทำอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการทั้ง 23 สถานี และให้ติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการบนรถไฟฟ้าบีทีเอส โดยให้เว้นที่สำหรับจอดรถเข็น และให้มีราวจับ ทั้งนี้ให้ดำเนินการตามคำสั่งศาลให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี หลังจากมีคำพิพากษาจนถึงวันนี้ก็ยังไม่เป็นไปตามคำพิพากษา การติดตั้งลิฟต์และสิ่งอำนวยความสะดวกยังเป็นไปด้วยความล่าช้า ผู้บริหารต่างละเลยการดำเนินการในเรื่องนี้มาตลอด ตนและคนพิการทั้ง 430 คน ไม่สามารปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปได้ จึงมาฟ้องเรียกค่าหายจาก กทม.เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากความละเว้นไม่ปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ และทำให้เป็นคดีตัวอย่างของสังคม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังกลุ่มคนพิการยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองกลางแล้ว สำนักบังคับคดีปกครอง สำนักงานศาลปกครอง ได้เตรียมลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้ เพื่อทำรายงานเสนอองค์คณะตุลาการศาลปกครองกลางเจ้าของสำนวนพิจารณาต่อไป.-สำนักข่าวไทย